<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

Digital Transformation ในอีก 5 ปีข้างหน้า จะเป็นอย่างไร?

Digital Transformation เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่นำเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจของตัวเองให้ดีขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยีต่าง ๆ มาใช้ในการทำงาน มาใช้เพื่อปรับเปลี่ยนพนักงานในองค์กรของตัวเอง รวมถึงมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งในปัจจุบันมีหลายธุรกิจที่นำเข้ามาใช้มากมายแล้ว การใช้จ่ายเงินเพื่อทำ Digital Transformation ก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งข้อมูลจาก IDC เปิดเผยว่ามีการใช้จ่ายเงินเพื่อลงทุนกับเรื่องนี้เติบโตในอัตรา 17.1% ต่อปี และจะสูงถึง 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในปี 2566 นี้ หมายความว่าอะไร หมายความทุกธุรกิจหันมาลงทุนกับเรื่องพวกนี้มากขึ้น และจะได้เห็น Digital Transformation เกิดขึ้นในทุก ๆ ธุรกิจเช่นกัน และการเติบโตของ Digital Transformation ในอีก 5 ปีข้างหน้านั้นจะมีแนวโน้มอะไรที่มาเป็นตัวกำหนดบ้างนั้น วันนี้เราจะพาไปดูกัน…

Digital Transformation_1

โอกาสสำคัญในการเติบโตด้วยอุปกรณ์ IoT

ปัจจุบันอุปกรณ์ IoT ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในทุก ๆ อุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมการผลิต, อุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพ หรือแม้การทำ Smart City และในอีก 5 ปีข้างหน้ามีการคาดการณ์ไว้ว่า จะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT เพิ่มขึ้นถึง 43 พันล้านเครื่อง ตามข้อมูลของ McKinsey ซึ่งการเติบโตที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ก็มาจากการพัฒนาเพื่อให้ใช้ต้นทุนที่ต่ำลงของเทคโนโลยี Sensor ช่วยประหยัดงบประมาณในการลงทุนของแต่ละอุตสาหกรรมได้เป็นอย่างดี

 

มนุษย์กับเทคโนโลยีต้องทำงานร่วมกัน องค์กรถึงจะก้าวไปได้ไกล

การที่จะเริ่มใช้ Digital Transformation จะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าหากว่าเทคโนโลยีและมนุษย์ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ บางองค์กรอาจจะยังไม่มีคนที่มีสกิลพอ ที่จะช่วยยกระดับองค์กรให้ไปข้างหน้าได้และอาจจะไม่มีคนที่จะพัฒนาดิจิทัลในองค์กรให้ไปได้ไกลกว่านี้ แต่ในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเป็นแบบนั้นไม่ได้แล้ว เพราะเมื่อถึงเวลาที่องค์กรต้องปรับตัว พนังานก็ต้องปรับตัวเช่นกัน พนักงานในองค์กรทุกคนควรจะสามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีดิจิทัลต่าง ๆ ได้ มีสกิลดิจิทัลในตัวทุก ๆ คน รวมถึงเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามาได้เสมอ เพื่อที่จะสามารถเติบโตไปพร้อม ๆ กับองค์กร ช่วยทำให้องค์กรสามารถก้าวไปได้ไกลกว่าเดิม

 

AI และ Machine Learning จะมาปฏิวัติการตลาดแบบ B2B

จากการวิจัยของ Accenture พบว่าเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้มากถึง 40% ภายในปี 2568 แม้ว่าบางแอปพลิเคชันที่ใช้ AI จะยังถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดบางประการก็ตามแต่ แต่ก็เป็นไปได้ว่า AI และ Machine Learning จะเข้ามาปฏิวัติการตลาดแบบ B2B ให้ทำงานได้สะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตได้ดีมากขึ้น

 

Digital Transformation_4

Bare-Metal ยังทำงานภายใต้ XaaS

องค์กรต่างมองหาแอปพลิเคชันและบริการจาก Third-Party ที่ทำงานบนระบบ Cloud มากขึ้น ซึ่งสามารถทำงานด้วยระบบนั้นได้จริง ๆ แต่ก็เป็นวิธีชั่วคราวที่จะใช้ระหว่างที่พนักงานในองค์กรกำลังพัฒนาสกิลทางด้านดิจิทัล แต่ด้วยวิธีการทำงานของ XaaS จะช่วยให้ประสิทธิภาพทางการเงินดีขึ้น การรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ก็แข็งแกร่งขึ้น ความคล่องตัวมากขึ้น ไม่ติดปัญหาในการจัดการกับโซลูชันภายในองค์กร

 

5G จะเพิ่มพลังให้  Digital Transformation

อย่างที่เคยได้ยินกัน ใกล้ถึงเวลาแล้วที่เทคโนโลยี 5G จะเข้ามาเปลี่ยนโลกอนาคตของคุณ ให้พัฒนาและไปได้กว่าเดิม เทคโนโลยีนี้จะเข้ามามีบทบาทอย่างเต็มตัวและแทรกซึมเข้าไปในทุกอุตสาหกรรม ซึ่ง 5G จะช่วยขับเคลื่อนและผลักดันให้ Digital Transformation เกิดความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็น Smart City, Smart Vehicles, Smart Manufacturing และเทคโนโลยี 5G ที่ผสานรวมกับ IoT เกิดความสามารถในการถ่ายโอนข้อมูลซึ่งกันและกันในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน

 

AI จะมาเติมเต็มช่องว่างของ IT Skills

นายจ้างหลาย ๆ ท่านเริ่มเล็งเห็นความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมากขึ้น ทั้งการเกิดใหม่ของเทคโนโลยีและการพัฒนาเติบโตมากขึ้น แต่อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดจากการนำ AI เข้ามาใช้ในองค์กรจะช่วยพนักงานในองค์กรที่ไม่มีทักษะทางด้าน IT ให้ทำงานได้สะดวกมากขึ้น และในอนาคตหลายบริษัทก็มองไว้แล้วว่า การนำ AI เข้ามาทำงานจะทำให้เขาประหยัดเงินในการจ้างพนักงานออกไปได้ครึ่งนึงเลยทีเดียว ดังนั้นพนักงานควรปรับตัวและพัฒนาสกิลทางด้าน IT ของตัวเองไว้เยอะ ๆ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นกัน

 

shutterstock_741657487

ความปลอดภัยทางไซเบอร์ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี

ด้วยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของ Digital Transformation บริษัทต่าง ๆ จึงมีโอกาสที่จะสร้างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับการทำงานของตัวเองในทุกช่องทาง สามารถโต้ตอบกับลูกค้าได้หลากหลายช่องทางมากขึ้น โดยใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการจัดการและขยายประสบการณ์เพื่อสร้างและเสริมความแข็งแกร่งให้กับการจัดการ ความปลอดภัยทางไซเบอร์ยังคงเป็นปัญหาใหญ่ แต่จะได้เปรียบในการแข่งขันที่สำคัญสำหรับบริษัทที่ยอมลงทุน และสามารถสื่อสารนโยบายความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี

 

เครื่องมือ MarTech ถูกนำมาใช้มากขึ้น

อย่างที่เห็นว่า MarTech กลายเป็นเครื่องมือที่ถูกพูดถึงและถูกนำมาใช้เยอะมากขึ้น เพราะว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้นักการตลาดทั้งหลายสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายของพวกเขาได้มากขึ้นกว่าเดิม บริษัทหลายแห่งที่ทำ Digital Transformation ต่างลงทุนเพื่อพัฒนาเทคโนโลยี MarTech ของตัวเองขึ้นมา เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งตัวบริษัทเองและความต้องการของลูกค้าเองด้วย ยิ่งบริษัทไหนที่มีการใช้งาน MarTech เยอะ ๆ ก็จะสามารถเดินนำหน้าคู่แข่งไปได้อีกหลายต่อหลายก้าวเลย

ซึ่งบริษัท Ourgreenfish ของเราก็มีเครื่องมือ MarTech ที่จะมาช่วยให้ธุรกิจที่กำลังทำ Digital Transformation เครื่องมือนี้จะมาช่วย Tranform ธุรกิจให้เติบโต ซึ่งเครื่องมือนั้นก็คือ Loyalty Hub บริการที่ช่วยให้คุณสามารถมัดใจและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดด้วยการทำ Membership และ Rewards คุณจะบรรลุเป้าหมายของธุรกิจคุณอย่างแน่นอน สนใจบริการของ Loyalty Hub อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://ourgreenfish.com/loyalty-hub-solutions/

 

New call-to-action

 

บทความที่เป็นประโยชน์สำหรับคุณ

DIGITAL TRANSFORMATION ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดในช่วงวิกฤติ

 

Ourgreenfish LINE Connect

ติดตามสาระความรู้เกี่ยวกับ
Digital Marketing และเทคโนโลยีได้ที่ Ourgreenfish Connect

 

Recent Posts