ถ้าคุณเป็นอีกหนึ่งธุรกิจ ที่ต้องการเปลี่ยนวิธีในการทำการตลาด ให้มาเป็นรูปแบบ Inbound Marketing การ สร้างบล็อก เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของ Inbound Marketing ที่มีประโยชน์อย่างมาก ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักต้องการใช้สินค้าหรือบริการจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญหรือมีความน่าเชื่อถือ การสร้างบล็อกขึ้นมา จะช่วยสร้างความเชื่อถือให้กับธุรกิจคุณได้อย่างดีทีเดียว นอกจากนี้ การทำการตลาดแบบ SEO ก็สามารถใช้บล็อกเป็นเครื่องมือเพิ่ม Trafiic ให้กับเว็บไซต์ได้อีกด้วย ซึ่งในบทความนี้ จะมาพูดถึงวิธีที่ช่วยสร้างบล็อก ให้ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์พร้อมทั้งยังเพิ่มโอกาสในการขายให้กับธุรกิจของคุณได้ด้วย ซึ่งมีวิธีในการทำอย่างไร มาดูกัน
13 วิธี สร้างบล็อก เพิ่มโอกาสในการขาย
1.พาดหัวข้อบทความให้ชัดเจนและน่าสนใจ
หัวข้อบทความ เป็นสิ่งแรกที่ผู้อ่านมักเห็นก่อนที่จะกดเข้าไปอ่าน ในหน้าของ Search Engine เมื่อคุณทำการค้นหาด้วย Keyword หนึ่ง ๆ คำ สิ่งที่จะแสดงบนหน้าการค้นหานั้น จะเห็นชื่อหัวข้อ ยิ่งหัวข้อของคุณน่าสนใจ ก็จะทำให้มีคนคลิกเข้ามายังบทความนั้นมากกว่าบทความอื่น ๆ ลองตรวจสอบหัวข้อบทความของคุณว่าเป็นแบบนี้หรือไม่
- หัวข้อเป็นเรื่องที่มีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหา
- มี Keyword ที่ตรงกับคำที่กลุ่มเป้าหมายค้นหา (แนะนำให้เอา Keyword ไว้หน้าสุดของหัวข้อบทความ)
- สร้างความสนใจให้คนอยากคลิก
ยกตัวอย่าง หากคุณมีหน้า Landing Page ที่เกี่ยวกับระบบ Cloud Photo อาจใช้คำเหล่านี้ในการดึงดูด เช่น คุณลักษณะ, ค่าใช้จ่าย, สิทธิประโยชน์ เป็นต้น
2.ตรวจสอบบทความว่าสามารถตอบสนองความต้องการของผู้ค้นหา
เมื่อคุณได้หัวข้อเรียบร้อยแล้ว ถึงเวลาที่บทความของคุณจะต้องออกมาเพื่อสนองความต้องการของกลุ่มเป้าหมายที่ค้นหาสิ่งที่ต้องการในหน้า Search Engine แล้ว เริ่มต้นด้วย Keyword ที่เป็นเป้าหมายของคุณ เป็น Keyword ที่กลุ่มเป้าหมายค้นหาอยู่และตรงความต้องการของเขาเหล่านั้นหรือเปล่า เพื่อให้เนื้อหาของบทความออกมาตอบโจทย์กับสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด
3.หากมีกรณีศึกษา สร้างความน่าเชื่อถือให้บทความได้
กรณีศึกษา สร้างความน่าเชื่อถือให้กับบทความของคุณและทำได้ดีมาก ๆ เนื่องจาก กรณีศึกษาจะมาจากประสบการณ์จริงมากกว่าเรื่องที่มาจากทฤษฏี ซึ่งจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกว่าคุณได้ทดลองใช้จริงมาแล้ว แสดงความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นมากกว่าการบอกเล่าทั่ว ๆ ไป แสดงให้เห็นว่าคุณสามารถช่วยพวกเขาเหล่านั้นได้จริง ๆ จากนั้น ทำการกระตุ้นให้พวกเขาให้อ่านบทความจนจบ
4.ใช้กราฟหรือแผนภูมิแสดงผล
กราฟหรือแผนภูมิจะช่วยคุณในการย่อเนื้อหาให้สั้นลงและสรุปข้อมูลเนื้อหาออกมาให้อยู่ในรูปแบบง่าย ๆ สามารถนำรูปกราฟหรือเผนภูมิไปโชว์ตามช่องทางโซเชียลมีเดียได้อย่างง่ายดาย มีโอกาสที่เนื้อหาของคุณจะเข้าถึงผู้ใช้งานได้อย่างรวดเร็วและเพิ่มปริมาณการเข้าเว็บไซต์ให้มีมากขึ้น ถ้าใครที่ไม่เคยใช้กราฟหรือแผนภูมิ ลองปรับเนื้อหาให้มาเป็นรูปแบบนี้ แล้วคุณจะเห็นความแตกต่างของประสิทธิภาพเนื้อหาของคุณ
5.ตรวจสอบว่าบทความของคุณอ่านง่ายจริง ๆ
ผู้อ่านบางรายอาจมองข้ามหรือไม่สนใจกับเนื้อหาเลย หากเนื้อหาเหล่านั้นอ่านยากและเข้าใจยาก ดังนั้น ควรวิเคราะห์เนื้อหาของคุณอีกครั้งว่าเนื้อหาของคุณอาจง่ายและสามารถเข้าถึงผู้อ่านได้มากน้อยแค่ไหน พร้อมยังช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจเนื้อหาบทความของคุณได้ดีมากขึ้นด้วย
6.มี CTA ที่ดึงดูดให้คลิก
CTA เป็นอีกหนึ่งปุ่มที่ผู้ทำบล็อกต้องให้ความสำคัญ มุ่งเน้นไปที่ประโยชน์ที่ผู้อ่านจะได้รับหากคลิกที่ปุ่มนั้น ไม่ต้องออกแบบให้เวอร์วัง แต่ต้องน่าสนใจ วางอยู่ตำแหน่งที่เหมาะสม พยายามใส่เข้าไปในทุก ๆ บทความ จะช่วยดึงดูดผู้อ่านให้มามีส่วนร่วมได้มากที่สุด
7.เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานหลังคลิก CTA
จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ผู้อ่านคลิกที่ปุ่ม CTA เป็นสิ่งที่คุณต้องคิด หากเขาคลิกไปแล้วไม่เกิดผลดีหรือไม่ได้ประโยชน์กับตัวเขา ก็จะทำให้เปอร์เซนต์ในการคลิกต่ำลงมาก ดังนั้น ถ้าอยากเพิ่มประสิทธิภาพหลังจากที่คลิก CTA อาจเป็นการเสนอโปรโมชันหรือแลกมาด้วยสิ่งที่พวกเขาต้องการ เช่น อีบุ๊ก เป็นต้น นำเสนอข้อมูลให้มาขึ้นพร้อมทั้งรักษาพวกเขาไว้ไม่ให้สูญเสียเขาไประหว่างทาง
8.ตรวจสอบ Keyword เพื่อกระตุ้นการแสดงผล
เครื่องมือสำหรับการทำ SEO นั้นมีเยอะแยะมากมาย เครื่องมือที่รู้จักและใช้งานง่ายที่สุด ขอแนะนำ Google Search Console เป็นเครื่องมือที่ใช้ติดตามผล CTR หรือ Conversion สามารถตรวจสอบยอดของ Keyword ที่คุณใช้ ว่ามีประสิทธิภาพแค่ไหน สามารถดูได้ว่า Keyword ที่ใช้นั้นมีการแสดงผลมากน้อยแค่ไหน
9.มีลิงก์ที่เชื่อมไปบล็อกอื่น ๆ หรือหน้าสินค้า
การเชื่อมโยงโพสต์บล็อกของคุณไปยังบทความที่มีประสิทธิภาพอื่น ๆ หรือหน้าที่เกี่ยวข้องกับสินค้าของคุณ ทำให้ Google ทราบว่าหน้านั้นมีความสำคัญมากเพียงใด หากคุณอยากกระตุ้น Traffic หรือ เพิ่ม Conversion อย่าลืมหลีกเลี่ยงการเชื่อมโยงลิงก์ที่มีมากเกินไป
10.รวบรวมลูกค้าเป้าหมายด้วย Chat Widget
วิธีนี้ส่งผลดีอย่างมากสำหรับการเพิ่ม Conversion สามารถเสนอสินค้าหรือบริการไปยังผู้ที่มาติดต่อได้ด้วยการใช้ Chat Widget อารมณ์คล้าย ๆ กับการใช้ Chat Bot ทำให้คุณไม่พลาดการติดต่อกับลูกค้าได้ตลอดเวลา ตอบกลับลูกค้าได้ทันที มีโอกาสดึงดูดให้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น
11.ปรับปรุง Layout ของบล็อกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของ Conversion
การจัดวาง Layout ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเชื่อม Conversion เช่นกัน การออกแบบที่เรียบง่าย ไม่ซับซ้อน จะสามารดำเนินการซื้อได้อย่างมีเหตุผล การจัดวางที่พบได้ว่าทำให้พบลดอัตราการซื้อไปได้เยอะมาก เช่น การมีข้อมูลที่มากเกินไป, โทนสีและฟ้อนต์ไม่ไปทางเดียวกัน, ข้อเสนอเยอะไปหมด, CTA ที่เยอะเกินไปส่งผลให้ผู้เข้าชมออกไป เป็นต้น
12.ทดสอบการแสดงผลในหลาย ๆ อุปกรณ์
บล็อกของคุณต้องสามารถรองรับได้หลาย ๆ อุปกรณ์ ไม่ว่าเป็น Desktop หรือ อุปกรณ์พกพา ยิ่งหลัง ๆ มานี้ Google จะพิจารณาเว็บไซต์ที่มีการรองรับอุปกรณ์มือถือหรืออุปกรณ์พกพาก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าหน้าบล็อกของคุณยังไม่มีการรองรับรูปแบบนี้ ก็ถือว่าพลาดมาก ๆ
13.ปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์
วิธีสุดท้าย คุณไม่สามารถรู้ได้เลยว่าความเร็วเว็บไซต์ของผู้ใช้งานแต่ละคนนั้น มีความเร็วมากน้อยกว่ากันแค่ไหน ดังนั้นนี่จึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการพิจารณาเว็บไซต์ของคุณว่ามีประสิทธิภาพในการดึงดูดผู้ใช้งานมากแค่ไหน ถ้าเว็บไซต์ของคุณมีความเร็วที่ปกติ ผู้ใช้งานไม่ได้รู้สึกแย่ในจุดนี้ ก็จะสามารถเพิ่มโอกาสในการขายของคุณได้มากด้วย
ดังนั้น หากคุณต้องการสร้างบล็อกให้ดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ และ ช่วยเพิ่มโอกาสในการขายที่ดีให้กับคุณ ลองนำ 13 วิธีนี้ ไปปรับปรุงบล็อกของคุณ เพื่อให้ประสิทธิภาพในการทำงานของคุณและผลลัพธ์ทางการตลาดดีขึ้นกว่าเดิม
ที่มา : [1]
No Comments