ใช้ Google Ads เพื่อโฆษณาออนไลน์ ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่เคยใช้งาน หรือยังไม่รู้จัก Google Ads ในเชิงลึกมากนัก เราจึงมาแนะนำ 5 สิ่งที่อย่างน้อยทุกคนจำเป็นต้องรู้ก่อนเริ่มทำ Google Ads
Google Ads ไม่ได้มีแค่โฆษณา Paid Search เพียงอย่างเดียว
สำหรับผู้ที่เริ่มใช้งาน อาจจะเข้าใจว่า Google Ads มีหน้าที่ลงโฆษณาในเฉพาะส่วนของ Paid Search เพียงอย่างเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว Google Ads สามารถลงโฆษณาได้หลากหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการลงโฆษณา ไม่ว่าจะเป็น
- Paid Search
เป็นโฆษณาในรูปแบบข้อความ มักจะปรากฏในหน้าผลการค้นหาของ Google ซึ่งแน่นอนว่าหลายคนใช้งาน Paid Search กันอยู่ ข้อดีคือตอบสนองความต้องการของผู้ค้นหาได้ดี จึงเป็นโฆษณาที่มีอัตราการคลิก (CTR) ค่อนข้างสูง แต่จุดด้อยก็มีเช่นกัน นั่นคือไม่ค่อยก่อให้เกิดการ Awareness เพราะการค้นหาของคนนั้นมีจำกัด - Display
คือการใช้แบนเนอร์เพื่อลงโฆษณาในที่ ๆ เป็นพาร์ตเนอร์ของ Google ไม่ว่าจะเป็น เว็บไซต์ แอพพลิเคชัน วิดีโอ ฯลฯ โดยแบนเนอร์นั้นก็มีหลากหลายรูปแบบ คุณอาจจะทำเองเป็นไฟล์รูปภาพธรรมดาอย่าง PNG JPG หรืออยากให้เคลื่อนไหวได้ก็อาจลองแบบ HTML5 หรือเอาสะดวกก็สามารถสร้างเป็นแบบ Responsive ที่สร้างง่าย ไม่โดนจำกัดเรื่องขนาด ข้อดีคือ Display สามารถก่อให้เกิดการ Awareness ได้ดี และสร้างคลิกได้มากอีกด้วย - Video
โฆษณาแบบวิดีโอที่เราเห็นกันอยู่เป็นประจำใน YouTube ก็สามารถใช้ Google Ads ลงโฆษณาได้เช่นกัน ซึ่งรูปแบบของโฆษณาวิดีโอมีหลากหลายมากตั้งแต่ Bumper Ads 6 วินาที, In-Stream Video 15 วินาที ฯลฯ ซึ่งมีทั้งแบบกดข้ามได้และไม่ได้ โดยโฆษณาวิดีโอนั้นข้อดีมักก่อให้เกิด Awareness ในระดับที่สูงมาก และช่วยทำให้เกิด Conversion ได้ดี ดังนั้นเลือกประเภทของวิดีโอให้ตอบโจทย์การใช้งาน - Shopping
เป็นโฆษณาแบบใหม่ ที่เพิ่งเข้ามาในไทยตั้งแต่ช่วงกลางปี 2018 ที่ผ่านมา ลักษณะของโฆษณาจะเป็นรูปสิ่งของพร้อมกับชื่อและราคากำกับ มักจะโชว์บริเวณด้านบนสุดของผลการค้นหา ซึ่งตอบโจทย์สำหรับเว็บไซต์แบบ E-Commerce ค่อนข้างมาก ช่วยทำให้เกิด Conversion ในระดับสูง เพราะบอกราคาและเห็นสินค้าเรียบร้อย โดยคุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Shopping Ads ได้ที่นี่ - Universal App
สำหรับคนที่ต้องการให้ติดตั้งแอพพลิเคชันเพิ่มมากขึ้น Universal App ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีไม่น้อย เพราะโฆษณาจะไปโผล่ตามที่ต่าง ๆ เฉพาะบนมือถือและแท็บเล็ตเท่านั้น ช่วยทำให้อัตราการติดตั้งแอพพลิเคชันสูงขึ้น
เรียน Digital Marketing สำหรับบุคคลทั่วไป ควรเลือกจากอะไร
Remarketing สำหรับเว็บไซต์บาวงประเภทไม่สามารถใช้งานได้
Remarketing คือการส่งโฆษณาไปหาคนที่เคยมีปฏิสัมพันธ์กับโฆษณาของเรา เช่นเคยเข้าเว็บไซต์ของเรา เคยดูวิดีโอของแบรนด์ ฯลฯ ซึ่งปกติแล้วการโฆษณาแบบ Remarketing มักจะให้ผลลัพธ์ที่ค่อนข้างดี เพราะทำให้คนสามารถจดจำแบรนด์สินค้าและบริการของเราได้ รวมไปถึงเพิ่มโอกาสในการขายสินค้าและบริการให้มากขึ้น
ซึ่งโฆษณา Remarketing ของ Google Ads สามารถทำได้ตามปกติ โดยเป็นการสร้าง List สำหรับ Remarketing ขึ้นมาก่อน เพียงแต่ว่ามีข้อจำกัดในบางเว็บไซต์ เช่น
- เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ คลินิกความสวยงาม คลินิกทันตกรรม โรงพยาบาล ฯลฯ
- เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับการกู้ยืม และการลงทุน
- เว็บไซต์การเมือง
- เว็บไซต์ที่เกี่ยวกับความเชื่อ
ซึ่งถึงแม้คุณจะสร้าง List สำหรับ Remarketing ได้จริง แต่คุณก็ไม่สามารถนำ List นั้นไปใช้งานได้อยู่นี่ เนื่องจากเป็น Policy ของ Google Ads เอง
ใช้ Google Ads เกิดปัญหา ไม่รู้จะถามใคร หาข้อมูลก็ไม่เจอ มีเบอร์ติดต่อหน้าเว็บไซต์
เมื่อคุณเริ่มสร้างโฆษณา และอาจเกิดปัญหา แนะนำว่าคุณควรแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนเป็นลำดับแรก ด้วยลองการค้นหา Google ดูว่าคนอื่นเกิดปัญหาแบบเราหรือไม่ แต่ถ้าสุดวิสัยจริง ๆ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยตัวเอง หรือมีข้อมูลสอบถามในเชิงลึก คุณสามารถโทรหา Google Ads ได้ ฟรี ที่เบอร์ 021-040-615 เฉพาะในวันเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ซึ่งคุณไม่ต้องกังวลว่าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ที่คอยให้ข้อมูลเป็นคนไทย พูดภาษาไทย ดังนั้นคุณสามารถสอบถามได้ตามที่คุณอยากรู้
จะเห็นได้ว่ามีข้อมูลจำนวนมากที่จำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะเริ่มสร้างโฆษณาด้วย Google Ads เพราะเมื่อเรารู้ข้อมูลมากขึ้น ทำให้เราเตรียมรับมือ และพร้อมที่จะสร้างโฆษณา Google Ads ด้วยความรู้ความเข้าใจ และจะช่วยลดข้อผิดพลาดได้มากขึ้น
Thanakarn Lertsudwichai x Ourgreenfish
No Comments