การจะเป็นผู้ประกอบการหรือการทำ Startup นั้นคือแนวคิดที่น่าสนใจสำหรับหลาย ๆ คน ที่อยากลุกขึ้นมาทำตามความฝัน แต่การคิดหาวิธีเริ่มต้นธุรกิจในบางครั้งอาจเป็นเรื่องที่ซับซ้อนจนทำให้เราหวาดกลัวไม่กล้าลงมือทำจริง ๆ ว่าจะขายอะไร ขายให้ใคร และจะได้ลูกค้าอย่างไร ในทุก ๆ สัปดาห์ ทุก ๆ เดือน ทุก ๆ ปี มีเทรนด์ธุรกิจใหม่ ๆ เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์เสมอ มีโฆษณาบน Facebook, Instagram และอื่น ๆ อีกมากมายที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรติดตาม หากเราจริงจังกับการเริ่มต้นทำธุรกิจ ให้หยุดคิดมากและเริ่มลงมือทำเพื่อให้ความฝันกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริง
การเริ่มต้นทำ Startup ที่ง่ายและรวดเร็วนั้นกำลังถูกตอบแทนกลับมาด้วยความเสี่ยงและความไม่แน่นอนอยู่หรือไม่ ผู้ประกอบการควรเรียนรู้ปัจจัยความสำเร็จของธุรกิจ Startup ที่ว่า "การเริ่มต้น = การเติบโต" ดังนั้นธุรกิจที่ดีต้องมีความสามารถที่จะ “เติบโตอย่างรวดเร็ว”
Startup ที่ประสบความสำเร็จต้องมี 2 ลักษณะ คือ
- ต้องตอบสนองความต้องการของตลาดขนาดใหญ่
- ต้องมีความสามารถในการแสวงหาลูกค้าจากตลาดขนาดใหญ่
การทำ Startup มีองค์ประกอบ 5 ประการ ได้แก่ แนวคิด การทำงานเป็นทีม แผนธุรกิจ เงินทุน และเวลา
แนวคิดทางธุรกิจ
ต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับตลาดที่เราต้องการเข้าไปแข่งขัน หรือออกผลิตภัณฑ์เปิดตลาดกับคนกลุ่มใหม่ให้ดึงดูดใจ และจัดการกับจุดบอดของผู้บริโภค เช่น ผลิตภัณฑ์สามารถแก้ปัญหาการใช้ชีวิตประจำวันของคนหมู่มากได้ สินค้าหรือบริการที่แตกต่างสามารถเข้ามาลบตลาดเดิม ๆ ของคู่แข่งด้วยการเสนอความสะดวกสบายให้ผู้บริโภค
การทำงานเป็นทีม
ต้องหาเพื่อนร่วมงานที่เข้ากับ Vision ขององค์กร เพื่อทำงานเป็นทีม เพราะธุรกิจไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในการทำงานเพียงคนเดียว สิ่งนี้เน้นย้ำว่าการสรรหาทีมเวิร์คมีความสำคัญต่อธุรกิจ Startup อย่างไร
แผนธุรกิจที่ชัดเจน
ควรทำแผนเพื่อระบุแนวทางธุรกิจ ตลาดของกลุ่มเป้าหมาย และวิธีสร้างรายได้ แผนงานที่ชัดเจนจะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจหลัก ขับเคลื่อนไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องในอนาคต ธุรกิจของคุณต้องมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสามารถทำการตลาดได้ในตลาดขนาดใหญ่เพื่อรักษาอัตราการเติบโตของธุรกิจ และต้องมีศักยภาพในการแข่งขัน
เงินทุน
การจัดหาเงินทุนเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับธุรกิจ Startup ถ้าไม่มีเงินลงทุน การสร้างธุรกิจคงเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าเราจะมีเงินทุนเพียงพอก็ไม่รับประกันความสำเร็จ ปัจจัยสำคัญในการดำเนินธุรกิจที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับการจัดการเงินทุนที่ดีและการจัดการบัญชีอย่างละเอียดด้วย
เวลา
แม้แต่ Startup ก็มีองค์ประกอบหลักที่จำเป็นครบ 4 ประการ แนวคิด ทีมงาน แผนธุรกิจ และเงินทุน หากไม่มีจังหวะเวลาที่ดี ธุรกิจก็จะไม่ประสบความสำเร็จ เช่น เปิดตัวธุรกิจเมื่อตลาดอิ่มตัว มีตัวเลือกสินค้าของคู่แข่งในตลาดมากเกินไป หรือแม้แต่เปิดตัวช่วงวิกฤต COVID-19 เป็นต้น
จากการวิจัยได้ระบุว่าทั้งกระบวนการทำงานและแนวคิดล้วนเป็นองค์ประกอบของการเริ่มต้นที่ประสบความสำเร็จ แต่ท้ายที่สุด จังหวะเวลาคือสิ่งสำคัญในการทำทุกสิ่ง วิธีที่ดีในการประมาณการเวลาที่เหมาะสมคือการดูว่ากลุ่มเป้าหมายของเราพร้อมสำหรับใช้ผลิตภัณฑ์ของเราหรือไม่ เตรียมพร้อมเกี่ยวกับการประเมินตลาดและอย่าหลอกตัวเองด้วยผลลัพธ์จากตัวเลขสวยหรูที่ไม่ได้สร้างกำไร หากความหลงใหลในธุรกิจของเรากำลังตกอยู่ในความเสี่ยงที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะในช่วง COVID-19 ขอเน้นย้ำว่าให้จัดการกับเงินทุนและแผนธุรกิจในยามวิกฤติให้ดี
การเริ่มต้นธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ
การเริ่มต้นธุรกิจเกี่ยวข้องกับการวางแผน การตัดสินใจทางการเงิน การทำวิจัยตลาด และการได้มาซึ่งความรู้ในด้านที่เราไม่เคยคิดว่าจะได้เรียนรู้มาก่อน เราขอแนะนำ 5 เคล็ดลับสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจเพื่อช่วยให้ใครหลายคนได้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นใจในวันนี้ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือไม่มีใครที่เหมาะกับการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ในทุก ๆ รูปแบบ ทุกคนมีความหลงใหลและความสามารถเฉพาะตัว แต่ขั้นตอนเหล่านี้จะช่วยจัดระเบียบความคิด และอธิบายรายละเอียดที่สำคัญที่คนทำธุรกิจต้องรู้
เคล็ดลับที่ 1 ค้นหา Passion ให้เจอและใช้เป็นแรงผลักดันให้ตัวเอง
ขั้นตอนของการเริ่มต้นธุรกิจคือการคิดให้ออกว่าธุรกิจของเราเป็นธุรกิจประเภทใดมีเอกลักษณ์อย่างไร
เราเคยคิดที่จะมีช่องทางในการทำธุรกิจที่ตัวเองหลงใหลเป็นพิเศษหรือไม่ ธุรกิจที่อยากทำสามารถแข่งขันกับคู่แข่งที่มีอยู่แล้วได้หรือไม่ เรากำลังมองหาทางที่จะเปลี่ยนงานอดิเรกให้กลายเป็นธุรกิจหรือไม่ นี่เป็นเพียงคำถามที่เราต้องถามตัวเองก่อนเริ่มทำธุรกิจ
โดยที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นทุกอย่างจากร้านค้าออนไลน์บนแพลตฟอร์ม Ecommerce ไปจนถึงการแยกตัวออกมาทำธุรกิจอิสระได้จริง ๆ เช่น ธุรกิจที่ให้คำปรึกษาแบบเอเจนซี่ หรือสร้างบริษัทที่มีทีมงานหลายคน เช่น บริษัทผู้ผลิตสินค้าทั่วไป หรือร้านอาหาร แน่นอนเราทุกคนสามารถสร้างธุรกิจขึ้นมาได้ หากต้องการทราบว่าตัวเองต้องการเริ่มต้นธุรกิจประเภทใด ให้เขียนเกี่ยวกับสิ่งที่เราสนใจอย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น โยคะ การเงินส่วนบุคคล สุนัข ภาพยนตร์ อาหาร และเสื้อผ้า
ต่อไปใช้เครื่องมืออย่าง Google ช่วยค้นหาสิ่งที่ตัวเองสนใจ เช่น เพื่อค้นหาปริมาณการค้นหาเรื่องที่เราสนใจจะทำ เพราะจะช่วยให้เข้าใจว่าธุรกิจที่อยากจะทำนั้นรวมถึงแนวคิดของเราเป็นที่นิยมมากเพียงใด วิธีนี้คือขั้นตอนขั้นพื้นฐานที่จะช่วยให้รู้ว่าตลาดของเรามีผู้บริโภคสนใจในระยะยาวหรือไม่ หรือเป็นผลิตภัณฑ์ที่เจาะจงเฉพาะกลุ่มเล็ก ๆ เราเคยถามตัวเองหรือไม่ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า ธุรกิจที่เราอยากจะทำในวันนี้ยังสามารถดึงเราออกจากเตียงนอนในตอนเช้าเพื่อตื่นมาทำสิ่งที่เป็นความฝันในตอนนี้หรือไม่ เราหวังว่าในอนาคตธุรกิจของเราในวันนี้ยังทำให้เราตื่นเต้นมากพอที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ต่อไป
แรงผลักดันในตัวผู้นำ คือสิ่งที่จะขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย
เคล็ดลับที่ 2 สร้างแผนธุรกิจ
เมื่อเราจะไปที่ธนาคารเพื่อขอสินเชื่อ เราไม่จำเป็นต้องใช้เวลามากเกินไปในการร่างแผนธุรกิจ เขียนแผนธุรกิจของเราด้วยลายมือบนกระดาษหรือทำสไลด์เพื่อนำเสนอแผนธุรกิจ เชื่อหรือไม่เมื่อใดก็ตามที่เราเขียนเป้าหมายด้วยลายมือลงกระดาษ เรามักจะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้นเสมอ เพราะการเขียนคือการถ่ายทอดออกมาจากแก่นความคิดของเราเอง หรือพกเป้าหมายที่เป็นแผ่นกระดาษติดตัวไปด้วยเสมอ ซึ่งช่วยเตือนเราถึงเป้าหมายเหล่านั้น และนี่คือเคล็ดลับในจุดเล็ก ๆ สำหรับการทำแผนธุรกิจ
ตรวจสอบให้แน่ใจว่าในแผนธุรกิจที่เขียนลงบนแผ่นกระดาษได้รวมสิ่งต่อไปนี้หรือไม่
- ปัญหาที่ธุรกิจของเราสามารถแก้ไขปัญหาบางอย่างของผู้บริโภคได้
- ธุรกิจของเราทำอะไร ความพิเศษของธุรกิจคืออะไร
- กลุ่มเป้าหมายคือใคร เช่น ถ้าเราจะเปิดโรงเรียนฝึกสุนัขแสนรู้ เราต้องหากลุ่มเป้าหมายที่หลงใหลในสุนัข ผู้ที่ชอบสุนัข ผู้ที่เป็นเจ้าของสุนัข ผู้ที่ติดตาม Account เกี่ยวกับสุนัขบนโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
- การวิเคราะห์ SWOT (จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาส และอุปสรรคที่มีต่อธุรกิจของคุณ)
- แผนการตลาด (แนวคิดเกี่ยวกับวิธีที่เราจะส่งเสริมธุรกิจให้เป็นที่รู้จัก การหาลูกค้า รวมถึงการรักษาฐานลูกค้าเดิมเอาไว้)
- แผนทางการเงิน (บริหารต้นทุนการดำเนินงาน รวมถึงวิธีที่เราจะบริหารเงินเพื่อจ่ายไปกับสิ่งที่เป็นประโยชน์กับธุรกิจ)
- ประมาณการเรื่องของการเงินสำหรับแต่ละไตรมาส เช่น มกราคมถึงมีนาคม เมษายนถึงมิถุนายน เพื่อติดตามการเติบโตของธุรกิจ
เราเคยถามตัวเองหรือไม่ว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า
ธุรกิจที่เราอยากจะทำในวันนี้ยังสามารถดึงเราออกจากเตียงนอนในตอนเช้าเพื่อตื่นมาทำสิ่งที่เป็นความฝันในตอนนี้หรือไม่
เลือกรูปแบบธุรกิจที่คุณเชี่ยวชาญ
หลังจากที่เราได้ค้นพบความหลงใหล (Passion) ของตัวเองแล้ว เชื่อว่าแนวคิดทางธุรกิจเริ่มจะเป็นภาพที่ชัดเจนในจินตนาการมากขึ้น ต่อมาเราต้องคิดโมเดลธุรกิจของตัวเองขึ้นมา ซึ่งโมเดลธุรกิจเป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยเสริมคุณค่ากับแนวคิดของเราและสร้างรายได้จากการดำเนินงานได้จริง
โมเดลธุรกิจที่ควรพิจารณามี 6 ประเภท ได้แก่
Affiliate Marketing: บริการให้พื้นที่ขายผลิตภัณฑ์และบริการของธุรกิจอื่น ๆ ในทางออนไลน์ รับค่าคอมมิชชันหรือค่าบริการพื้นที่โฆษณาสินค้าสำหรับการขายในแต่ละครั้ง หรือทำแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นพื้นที่รวมโฆษณาสินค้าและโปรโมชันต่าง ๆ เป็นต้น
Freelancing: ให้บริการแก่บุคคลและธุรกิจอื่น ๆ โดยใช้ทักษะที่ตัวเองมี เช่น การโฆษณา การเขียน การออกแบบ หรือการเขียนโปรแกรม
Coaching and Consulting: การฝึกสอนและการให้คำปรึกษา เช่น เป็นโค้ชหรือที่ปรึกษาเฉพาะด้าน ใช้ความเชี่ยวชาญที่ตัวเองมีให้คำแนะนำผู้ที่ต้องการแก้ไขปัญหาหรือต้องการความช่วยเหลือ
Information Products: จัดทำชุดความรู้ที่เกิดจากความเชี่ยวชาญของตัวเอง เป็น Ebook เทมเพลตต่าง ๆ หรือหลักสูตรออนไลน์ เช่น คอร์สเรียนออนไลน์
Software as a Service (SaaS): สร้างซอฟต์แวร์หรือแอปพลิเคชัน และเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครสมาชิกแบบเรียกเก็บซ้ำจากผู้ใช้งาน เช่น Marketing Software หรือ Software สำหรับใช้งานเฉพาะทาง
Ecommerce: ให้บริการพื้นที่ขายของออนไลน์ เช่น Shopify, Lazada, Shopee หรือแพลตฟอร์มอื่น ๆ ที่เป็นลักษณะขายสินค้าออนไลน์
เคล็ดลับที่ 3 การทำวิจัยตลาด
ขั้นตอนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง อย่างที่นักการตลาด Philip Kotler เคยกล่าวไว้ว่า “มีเพียงกลยุทธ์เดียวที่ชนะ คือการกำหนดตลาดเป้าหมายอย่างรอบคอบและนำเสนอข้อเสนอที่เหนือกว่าไปยังตลาดเป้าหมายนั้น”
เคล็ดลับคือ เราต้องเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มเป้าหมาย ยกตัวอย่างคนที่ขาย Marketing Software มาทั้งชีวิต จะเข้าใจปัญหา ความปรารถนา และเรื่องเฉพาะทางของคนใช้เครื่องมือการตลาดคนอื่น ๆ เพราะการเข้าใจวิธีสื่อสารกับผู้ใช้จะส่งผลให้ธุรกิจทำกำไรจากการขายได้ดี ในทางกลับกัน ถ้าเราไม่เคยใช้ Software Marketing มาก่อนในชีวิตอาจจะลำบากมากในการขายผลิตภัณฑ์ผ่านสื่อออนไลน์
เมื่อจะเลือกกลุ่มเป้าหมาย ให้ถามตัวเองก่อนเสมอ
- ว่างานอดิเรกและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายคืออะไร
- มีอะไรที่เรารู้มากที่สุดเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย
- เราใช้เวลาส่วนใหญ่ในการคิด พูดคุย และอ่านเกี่ยวกับอะไรบ้าง
ที่ปรึกษาทางธุรกิจอย่าง Peter F. Drucker กล่าวว่า "เป้าหมายของการตลาดคือการรู้จักและเข้าใจลูกค้าเป็นอย่างดีว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการเหมาะกับเขา และสามารถขายตัวเองได้"
ทำธุรกิจเพื่อรับใช้ความต้องการของผู้บริโภค อีกหนึ่งมุมมองที่จะทำให้มีผู้ใช้ในระยะยาว
ค้นหาปัญหาเพื่อแก้ไข
เมื่อเรียนรู้วิธีเริ่มต้นทำธุรกิจบนโลกออนไลน์ สิ่งสำคัญที่ควรทราบคือ ธุรกิจสามารถแก้ไขปัญหาอะไรได้
- ช่างประปาแก้ไขท่อรั่ว ภาพยนตร์เติมเต็มความเบื่อ
- แบรนด์เสื้อผ้าช่วยให้ผู้คนแสดงออกและรู้สึกมีเสน่ห์
นี่คือกฎทองและเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับในการทำธุรกิจ ยิ่งเราแก้ปัญหาได้มากเท่าไหร่ ผู้คนก็ยินดีจ่ายเงินมากขึ้นเท่านั้น เช่น บริการด้านสุขภาพ เป็นธุรกิจที่แก้ปัญหาใหญ่เกี่ยวกับสุขภาพร่างกาย ซึ่งเป็นสาเหตุที่เกือบทุกคนยินดีจ่ายเงินเป็นจำนวนมาก ในทางกลับกัน มีคนไม่มากที่จะจ่ายเงินให้เราเพื่อแก้ไขปัญหาของพวกเขา อาจจะไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และพวกเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือในการแก้ปัญหาจากสินค้าหรือบริการของเรา
ต้องค้นหาปัญหาที่ดีเพื่อแก้ไขให้กลุ่มเป้าหมายอย่างตรงจุด
ตัวอย่างการแก้ไขปัญหาของธุรกิจที่ส่งมอบให้กลุ่มเป้าหมาย
Target Market: เด็กวัยรุ่นที่ใส่ใจการแต่งตัว
Problem: คนที่ใส่ใจการแต่งตัวต้องการโดดเด่นจากฝูงชนโดยไม่ต้องใช้เงินมากเกินไป
Solution: สร้างเสื้อผ้าที่ฉูดฉาดและเป็นมิตรกับงบประมาณ
Target Market: ผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทซอฟต์แวร์ต่างชาติ
Problem: ธุรกิจจำเป็นต้องเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ของตน
Solution: เขียนบทความที่ติดอันดับหน้าแรกของ Google เพื่อกระตุ้นการเข้าชม
Target Market: คุณแม่วัยทำงานที่มีลูกเล็ก
Problem: คุณแม่หลายคนอยากออกกำลังกายเป็นประจำแต่ไม่มีเวลามาก
Solution: สร้างโปรแกรมออกกำลังกายที่ช่วยประหยัดเวลาและกำหนดเวลาเองได้
เราจะพบปัญหาที่จะแก้ไขได้อย่างไร
- เข้าร่วมกลุ่ม Facebook และสัมมนาออนไลน์ ถามผู้คนว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลืออะไร
- ใช้ Google Ads เพื่อค้นหาว่าผู้คนกำลังค้นหาอะไร
- ค้นหาธุรกิจออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จและระบุปัญหาที่พวกเขาแก้ไขได้ จากนั้นค้นหาวิธีที่จะทำให้ดีขึ้น เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจของเรา
เคล็ดลับที่ 4 การสร้างผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาด
สำหรับตลาดที่เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น หากเราเป็นผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม เราสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ประเภท Digital Asset เช่น Ebook หลักสูตรคอร์สออนไลน์ เพลง หรือเนื้อหา Digital อื่น ๆ เพื่อขายให้กับผู้อื่นได้ เราสามารถสร้างรายได้จากความเชี่ยวชาญของตัวเองด้วยผลิตภัณฑ์และเพิ่มยอดขายด้วยบริการที่ดี
สำหรับธุรกิจ Startup ที่พัฒนาซอฟต์แวร์ เราสามารถสร้างผลิตภัณฑ์ Software as a Service (SaaS) ที่ช่วยธุรกิจอื่น ๆ ได้ เช่น เครื่องมือ MarTech หรือเครื่องมือบริหารจัดการ Social Media และหากเราเป็นที่ปรึกษา เราสามารถเสนองานวิทยากร การฝึกสอน หรือชุดทักษะของเราได้ นี่ก็ถือว่าเป็นการนำเสนอสินค้าหรือบริการออกสู่ตลาดเช่นกัน
ในช่วงเริ่มต้นเราอาจจะมีสินค้าหรือบริการจำนวนหนึ่งก่อนที่เราสามารถสร้างเพื่อขายให้กับผู้สนใจกลุ่มแรก ๆ ของเรา ในโลกของ Digital Marketing เราสามารถใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อเลือกเก็บข้อมูลของกลุ่มคนที่สนใจแต่ยังไม่ซื้อ และกลุ่มคนที่ซื้อแล้ว มาต่อยอดทำ Retargeting ต่อไปได้ ในช่วงเริ่มต้นการดึงความสนใจและการเก็บข้อมูลสร้างฐานลูกค้าคือเรื่องที่สำคัญ
ในกลุ่มธุรกิจ Startup ทั้งหน้าใหม่และหน้าเก่า
ผลิตภัณฑ์ที่ออกสู่ตลาดจะขึ้นอยู่กับชุดทักษะของทีมงานและประเภทธุรกิจ
อย่าลืมส่งเสริมธุรกิจให้เป็นที่รู้จัก
ส่วนที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจคือขั้นตอนการส่งเสริมธุรกิจ เช่น การโฆษณาธุรกิจของเราให้ผู้คนรู้จักจะช่วยให้สร้างยอดขาย ที่สำคัญเพื่อให้ความคิดของเรากลายเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ เราสามารถเผยแพร่แนวคิดทางธุรกิจได้ด้วยวิธีต่อไปนี้
Facebook: เราสามารถใช้โฆษณาบน Facebook โดยใช้ความสนใจเป็นปัจจัยหลัก และรวมกลุ่มเป้าหมายที่สนใจแบรนด์ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผลิตภัณฑ์ของเรามาตั้งค่าเป็นกลุ่ม Audiance เพื่อดึงดูดผู้ชมของพวกเขามาเห็นโฆษณาของเรา เรายังสามารถทำโพสต์ในกลุ่ม Facebook ในหน้าแฟนเพจของเรา ซึ่งเหมาะสำหรับธุรกิจที่มีผู้สนใจเฉพาะกลุ่ม
Instagram: เพิ่มจำนวนผู้ติดตาม Instagram ของเรา เพื่อให้เราสามารถสร้างยอดขายด้วยโพสต์บน Instagram แต่ละโพสต์ เรายังสามารถเพิ่มลิงก์โดยตรงใน Instagram Stories เพื่อเพิ่มยอดขายได้อีกด้วย
LinkedIn: สร้างแบรนด์ส่วนบุคคล หรือ Personal Brand โดยการสร้างโพสต์และแบ่งปันความคิดเกี่ยวกับบทความบน LinkedIn เชิญผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องให้ติดตามเราเพื่อเพิ่มการเข้าถึงมากยิ่งขึ้น
SEO: การเพิ่มประสิทธิภาพของเว็บไซต์ของเราสำหรับการค้นหาและสร้างเนื้อหาหรือ Blog เราสามารถสร้างโอกาสในการขาย เก็บข้อมูลสมาชิกและอีเมลของพวกเขา และเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ได้มากขึ้น
Clubhouse: เริ่มต้นสร้างห้องสนทนาที่จะจุดประกายการสนทนาเกี่ยวกับแบรนด์ของเรา และเรายังสามารถเข้าร่วมห้องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับช่องของเรา และสื่อสารกับเจ้าของธุรกิจคนอื่น ๆ ได้ พยายามสร้างความสัมพันธ์เพื่อให้ผู้คนติดตามโปรไฟล์ของเราและแนะนำธุรกิจให้กับผู้อื่น
เคล็ดลับที่ 5 รับคำติชม
เมื่อเราได้กำหนดเป้าหมายหรือได้ทำแผนธุรกิจแล้ว ก็ถึงเวลารับความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดของตัวเองจากผู้เชี่ยวชาญ ขั้นตอนนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าสามารถมีคำแนะนำที่ดีจากคนอื่นที่สามารถลบล้างความคิดที่ดีที่สุดของเราได้
การได้รับความคิดเห็นอื่น ๆ เกี่ยวกับวิธีคิดที่เราสามารถปรับปรุงได้คือเคล็ดลับที่คนประสบความสำเร็จใช้เป็นบทเรียนที่ดี แทนที่จะขอความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวคิดทางธุรกิจเพียงอย่างเดียว ให้ขอความคิดเห็นเกี่ยวกับองค์ประกอบที่สำคัญจากผู้เชี่ยวชาญหรือที่ปรึกษาธุรกิจด้วย
ในเมืองหลวงหรือย่านธุรกิจส่วนใหญ่มักมีสมาคมธุรกิจที่คุณสามารถพูดคุยกับผู้ประกอบการภายในสมาคม ซึ่งจะให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับวิธีการเริ่มต้นธุรกิจกับเรา บางครั้งเราก็จะเห็นผู้เชี่ยวชาญไลฟ์สดบน Facebook เกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจซึ่งตอบโจทย์คนสมัยนี้มาก ๆ ที่ช่วงวิกฤติ COVID-19 ไม่สามารถออกไปไหนได้ ถึงแม้เราได้วางแผนลงมือทำงานกับแนวคิดทางธุรกิจที่ทดลองและทดสอบมาแล้วก็ตาม อย่าลืมรับคำติชมจากบุคคลที่มีประสบการณ์เพื่อช่วยให้เราเข้าใกล้ความสำเร็จทางธุรกิจมากขึ้น
ความจริงก็คือเรากำลังคิดว่าการทำธุรกิจเป็นเรื่องที่ง่ายใช่หรือไม่
แต่การลงมือทำโดยไม่ได้เปลี่ยนสิ่งใดให้กลายเป็นสิ่งที่ทำเงินได้ นั่นอาจยากกว่า
จะยังไม่มีเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้นธุรกิจ ถ้าดวงดาวไม่สามารถกำหนดให้โรมิโอได้เจอกับจูเลียต หมายความว่าจังหวะและเวลาคือเรื่องสำคัญต่อความสำเร็จในการเป็นผู้ประกอบการ เราทุกคนสามารถมองเห็นสิ่งที่เป็นตัวฉุดรั้งจากการเริ่มทำธุรกิจ จงใช้อุปสรรคเป็นบทเรียนที่ผลักดันให้เริ่มต้นธุรกิจได้อย่างราบรื่น
เมื่อพูดถึงการตัดสินใจว่าเราพร้อมที่จะเริ่มต้นธุรกิจหรือไม่ นั่นคือเรื่องของความคิดมากกว่าเวลาที่ไม่เป็นใจ ตอนนี้เราอาจอยู่ในกรอบความคิดที่อยากจะชนะหรือไม่ หากเราไม่ได้อยากตะโกนว่าใช่ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ที่กำลังอ่านบทความนี้อยู่ เราอาจต้องตรวจสอบตัวเองอีกครั้งว่าการจะทำธุรกิจคือเส้นทางที่เหมาะสมสำหรับเราแล้วจริง ๆ หรือ
ถ้าความคิดเรื่องธุรกิจของเราไม่ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง ความล้มเหลวที่เกิดขึ้นจริงอาจทำลายธุรกิจของเราได้ แต่ถ้าเราอยู่ในกรอบความคิดที่ถูกต้อง เราจะเปลี่ยนความล้มเหลวให้กลายชัยชนะครั้งใหญ่ได้อย่างแน่นอน
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://www.scb.co.th/en/personal-banking/stories.html
No Comments