พฤติกรรมดิจิทัลกับการใช้จ่ายของคนไทย เปลี่ยนไปอย่างไรในช่วง COVID-19

ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา โควิด-19 ทำให้พฤติกรรมการใช้จ่ายของคนไทยเปลี่ยนไป พฤติกรรมดิจิทัลสำหรับการใช้จ่ายนั้นเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จากการรวบรวมข้อมูลจากผู้บริโภคใน 10 ประเทศไทยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่เห็นว่าเปลี่ยนไปได้ชัดเจนก็คือวิธีการจ่ายเงิน การใช้จ่ายด้วยเงินสดน้อยลง ซึ่งในประเทศไทยมีการใช้จ่ายด้วยเงินสดน้อยลงถึง 59% ในขณะที่การใช้จ่ายแบบคอนแทคเลสนั้นเติบโตขึ้น ดังนี้

• การจ่ายผ่านโทรศัพท์มือถือและกระเป๋าเงินดิจิทัล เพิ่มขึ้น 27%
• การจ่ายผ่านบัตรเครดิตแบบคอนแทคเลส เพิ่มขึ้น 18%
• การจ่ายผ่านบัตรเดบิตแบบคอนแทนเลส เพิ่มขึ้น 15%

นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า พฤติกรรมออนไลน์ก็มีส่วนทำให้พฤติกรรมดิจิทัลเติบโตขึ้นเช่นกัน ทั้งการชอปปิ้งออนไลน์, วิดีโอสตรีมมิ่ง, การใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อข่าวและความบันเทิง ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะเติบโตในระยะยาวแน่นอน

“โควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อทุกคนทั่วโลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผู้บริโภคและธุรกิจหลายรายมีการปรับตัวเข้าสู่โลกดิจิทัลและการจ่ายแบบคอนแทคเลสอย่างรวดเร็วเพื่อความปลอดภัยและเพื่อให้สามารถดำเนินกิจการต่อไปอย่างเป็นปกติในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ ในขณะที่องค์กรและประเทศต่าง ๆ เตรียมพร้อมกลับสู่ภาวะปกติ ผู้บริโภคยังมีความกังวลต่อความปลอดภัย โดยเห็นได้จากวิธีการชอปปิงและทำธุรกรรมทางการเงินทั่วภูมิภาค และในช่วงเวลาที่ท้ายทายนี้ มาสเตอร์การ์ดมุ่งมั่นใช้พลังของดาต้าช่วยให้ธุรกิจทุกขนาดสามารถปรับตัวและพัฒนาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการและพฤติกรรมของผู้บริโภคผ่านเครื่องมือทางอีคอมเมิร์ซ การเพิ่มวงเงินจากการจ่ายแบบคอนแทคเลส พร้อมการเปลี่ยนแปลงไปสู่การจ่ายแบบคอนแทคเลสทั่วภูมิภาคจะถือเป็นหลักสำคัญในการวางกลยุทธ์ต่าง ๆ เมื่อนำความรู้สึกและความกังวลของผู้บริโภคเป็นที่ตั้งในการตัดสินใจ ทั้งภาคธุรกิจและภาครัฐ ก็จะสามารถก้าวต่อไปอย่างมั่นใจยิ่งขึ้นในท่ามกลางสถานการณ์เช่นในปัจจุบันและบรรเทาผลกระทบที่จะมากับวิกฤตการณ์ในอนาคต” 

นายซาฟดาร์ คาน
ประธานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในกลุ่มประเทศเกิดใหม่ มาสเตอร์การ์ดกล่าว

ซึ่งมาสเตอร์การ์ดได้นำอีคอมเมิร์ซเข้ามาปรับใช้ก่อนหน้าที่จะเกิดสถานการณ์โควิด-19 เพื่อที่ผู้ใช้งานจะได้รับความสะดวกสบายและมีตัวเลือกในการชอปปิงออนไลน์และใช้จ่ายอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้จ่ายผ่านบัตรหรือจุดคอนแทคเลสภายในร้านค้า รวมไปถึงการใช้กระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับการชอปปิงออนไลน์ มาสเตอร์การ์ดมีโซลูชันในการให้บริการด้านอีคอมเมิร์ซ การชำระเงิน ความมั่นคงและความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่ทำให้ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาได้

ตัวอย่างการสนับสนุนของมาสเตอร์การ์ดสำหรับผู้บริโภคและธุรกิจในการเข้าสู่สังคมไร้เงินสด

เพิ่มการใช้คอมแทคเลส
จะเห็นว่าล่าสุด มาสเตอร์การ์ดประเทศไทยได้นำนักฟุตบอลทีมชาติไทยอย่าง เจ ชนาธิป มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ให้ความรู้แก่ผู้บริโภคและร้านค้าเกี่ยวกับ “Tap & Go” หรือเทคโนโลยีการจ่ายเงินแบบคอนแทคเลสของมาสเตอร์การ์ด ผ่านแคมเปญระดับโลก ทั้งนี้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง เจ ชนาธิป ได้เชิญชวนให้คนไทยใช้จ่ายอย่างปลอดภัยผ่านการจ่ายแบบคอนแทคเลสมากขึ้นผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียของตนเอง นอกจากนี้ มาสเตอร์การ์ดยังร่วมมือกับร้านค้าเกี่ยวกับการให้คำแนะนำด้านการใช้บริการและการใช้จ่ายผ่านคอนแทตเลสมากขึ้นด้วย

ขยายการจ่ายแบบคอนแทคเลสผ่านบัตรเดบิตที่ออกในไทย
ผู้บริโภคในประเทศไทยสามารถชำระเงินออนไลน์ผ่านบัตรเดบิตได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ด้วยความร่วมมือระหว่างมาสเตอร์การ์ดและบริษัท National ITMX ไม่เพียงแต่ในประเทศไทยที่สามารถชำระเงินผ่านบัตรเดบิตได้ ในนอกประเทศก็สามารถทำได้เช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็นการขยายฐานลูกค้าระหว่างประเทศเพื่อต่อยอดธุรกิจได้ด้วย

ปรับปรุงอีคอมเมิร์ซผ่านโปรโมชันที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค
เพื่อให้ผู้ถือบัตรมาสเตอร์การ์ดสามารถใช้จ่ายได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ใช้งานได้ปกติและปลอดภัย พร้อมทั้งมีโปรโมชันใหม่ ๆ ออกมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค พร้อมทั้งความปลอดภัยและเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์

สร้างเครื่องมือทางอีคอมเมิร์ซที่ช่วยเสริมแกร่งธุรกิจ
ธุรกิจที่กำลังมองหาช่องทางที่ทำให้ตัวเองเป็นที่รู้จักบนแพลตฟอร์มดิจิทัล มาสเตอร์การ์ดจึงได้พัฒนาโซลูชัน Simplify Commerce ที่เป็นแพลตฟอร์มการชำระเงินที่สะดวก ปลอดภัยและใช้งานง่าย ทำให้เจ้าของธุรกิจสามารถให้ความสนใจกับธุรกิจหลักและเป้าหมายของธุรกิจได้มากขึ้นผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล

ที่มา : [1], [2]

Supattra Ammaranon x Ourgreenfish