<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

เทรนด์ Loyalty CRM ในปี 2025 : การสร้างความภักดีที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล

Audio Version
เทรนด์ Loyalty CRM ในปี 2025 : การสร้างความภักดีที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล
6:50

การสร้างความภักดี (Loyalty) ของลูกค้าแบบฉาบฉวยไม่เพียงพออีกต่อไป เราต้องมองหาวิธีการที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการดึงดูดและรักษาลูกค้า ธุรกิจต่าง ๆ จึงหันมาใช้ Loyalty CRM ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในระยะยาว โดยในปี 2025 นี้ Loyalty CRM จะไม่ใช่แค่เพียงการจัดเก็บข้อมูลลูกค้าและการให้คะแนนสะสมเท่านั้น แต่ยังเป็นการนำเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น Gamification และ Social Media มาใช้ในการสร้างความภักดีของลูกค้าอย่างยั่งยืน

การผนวกรวม Gamification ใน Loyalty CRM ปี 2025

17.1

  1. เพิ่มแรงจูงใจผ่าน Gamification
    Gamification คือการนำองค์ประกอบของเกม เช่น การสะสมแต้ม, การให้รางวัล หรือการเพิ่มระดับ มาใช้ใน Loyalty CRM เพื่อสร้างแรงจูงใจและความตื่นเต้นในการมีส่วนร่วม Gamification ช่วยให้ลูกค้ารู้สึกมีส่วนร่วมมากขึ้นในกิจกรรมที่แบรนด์จัดขึ้น ซึ่งสามารถเพิ่มความพึงพอใจและความภักดีได้
  2. การออกแบบความท้าทายรายเดือนและการสะสมแต้มอัตโนมัติ
    การตั้งเป้าหมายหรือความท้าทายที่สามารถทำให้สำเร็จได้ภายในเวลา เช่น การซื้อสินค้าอย่างต่อเนื่องภายในระยะเวลาที่กำหนดหรือการใช้บริการอย่างต่อเนื่องทุกเดือน โดยระบบ CRM จะทำการติดตามและให้คะแนนหรือรางวัลกับลูกค้าอัตโนมัติ
  3. การสะสมระดับสมาชิกตามพฤติกรรมการใช้บริการ
    การเพิ่มระดับสมาชิกตามการสะสมแต้ม หรือการจัดลำดับตามการมีส่วนร่วมกับแบรนด์ช่วยสร้างความผูกพันที่มากขึ้น โดยลูกค้าจะสามารถเห็นพัฒนาการของตนเอง และได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มเติมในระดับที่สูงขึ้น การเพิ่มระดับยังช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมามีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่อง
  4. ฟีเจอร์สำหรับแชร์ความสำเร็จในสังคมออนไลน์
    ระบบ Loyalty CRM ควรรองรับการแชร์ความสำเร็จในสังคมออนไลน์ เช่น การสะสมแต้ม การเลื่อนระดับ หรือการบรรลุเป้าหมายพิเศษในเกม เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าแชร์ประสบการณ์ของตนกับเพื่อน ทำให้แบรนด์ได้รับการโปรโมตและสร้างการรับรู้ได้โดยไม่ต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
    Loyalty Hub

การเชื่อมโยง Loyalty CRM กับ Social Media : การสร้างความภักดีผ่านเครือข่ายสังคม

  1. การเชื่อมต่อข้อมูลระหว่าง Loyalty CRM และ Social Media
    ในปี 2025 ธุรกิจต่างๆ จะต้องเชื่อมโยงข้อมูลระหว่าง Loyalty CRM และ Social Media ให้มีความราบรื่น โดยเฉพาะข้อมูลพฤติกรรมการซื้อ การชื่นชอบสินค้า หรือการแสดงความเห็นต่าง ๆ ในเครือข่ายสังคม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีประโยชน์มากขึ้น
  2. การมอบสิทธิพิเศษเมื่อแชร์หรือเชิญเพื่อนผ่าน Social Media
    เมื่อสมาชิก Loyalty CRM แชร์สินค้าหรือบริการใน Social Media หรือเชิญเพื่อนเข้าร่วมโปรแกรมความภักดี พวกเขาสามารถรับสิทธิพิเศษ เช่น แต้มสะสมเพิ่ม ส่วนลด หรือโค้ดพิเศษ การให้รางวัลเช่นนี้ช่วยให้เกิดการรับรู้แบรนด์ได้ดีขึ้นและขยายฐานลูกค้าใหม่
  3. การติดตามผลตอบรับและพฤติกรรมของลูกค้าแบบเรียลไทม์
    การเชื่อมโยง Loyalty CRM เข้ากับ Social Media ทำให้สามารถติดตามผลตอบรับจากลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ทำให้แบรนด์ทราบถึงความพึงพอใจ ความต้องการ และข้อเสนอแนะที่ต้องปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงบริการและประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. การใช้แคมเปญแบบ Social-driven เพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่
    ในปี 2025 แบรนด์ต่างๆ สามารถสร้างแคมเปญแบบ Social-driven ได้ เช่น การจัดกิจกรรมแข่งขันถ่ายภาพหรือโพสต์รีวิวที่มีรางวัล เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเข้าร่วมและแสดงความชื่นชมต่อแบรนด์ แคมเปญนี้จะช่วยให้แบรนด์มีการสร้างการรับรู้และความภักดีในกลุ่มเป้าหมายใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
    DATA-DRIVEN MARKETING สำหรับธุรกิจยุคใหม่ 2025

การวัดผลสำเร็จของ Loyalty CRM ในปี 2025: KPI และ Metrics ที่ควรให้ความสำคัญ

  1. Customer Lifetime Value (CLV)
    CLV ช่วยวัดมูลค่าทั้งหมดที่ลูกค้าสร้างให้กับธุรกิจตลอดช่วงเวลาที่เป็นลูกค้า ซึ่งการวัดผลนี้ช่วยให้เข้าใจว่าการลงทุนในโปรแกรม Loyalty CRM มีผลต่อรายได้ในระยะยาวหรือไม่ การมีข้อมูล CLV ช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและปรับกลยุทธ์การตลาดได้อย่างแม่นยำมากยิ่งขึ้น
  2. Retention Rate (อัตราการรักษาลูกค้า)
    อัตราการรักษาลูกค้าเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญที่แสดงถึงความภักดีของลูกค้า การวัด Retention Rate ช่วยให้ทราบถึงความสำเร็จของ Loyalty CRM ในการทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการต่อเนื่อง
  3. Net Promoter Score (NPS)
    NPS ใช้วัดระดับความพึงพอใจและความพร้อมของลูกค้าในการแนะนำธุรกิจให้กับผู้อื่น ซึ่งช่วยให้ทราบว่าลูกค้ารู้สึกเชื่อมั่นและภักดีต่อแบรนด์มากน้อยแค่ไหน
  4. Engagement Rate (อัตราการมีส่วนร่วม)
    Engagement Rate คือการวัดอัตราการตอบสนองของลูกค้าในกิจกรรมต่างๆ ที่จัดขึ้น โดยการวัดอัตราการตอบสนองของลูกค้าใน Loyalty CRM ช่วยให้ทราบถึงการมีส่วนร่วมและการใช้งานที่เกิดขึ้นจริงในโปรแกรมนี้ และทำให้สามารถปรับแผนการสื่อสารกับลูกค้าให้เหมาะสมได้
  5. Participation Rate (อัตราการเข้าร่วมโปรแกรมความภักดี)
    การตรวจสอบอัตราการเข้าร่วมในโปรแกรม Loyalty CRM ช่วยให้ทราบว่าลูกค้าสนใจและมีการตอบรับกับโปรแกรมที่จัดทำขึ้นมากน้อยแค่ไหน และทำให้สามารถปรับกลยุทธ์ได้ตามความต้องการของลูกค้า

Download E-Book  Customer Behavior in B2B Business

การใช้ Loyalty CRM เพื่อสร้างความภักดีที่ยั่งยืนในปี 2025 ไม่เพียงช่วยให้แบรนด์สามารถเชื่อมโยงกับลูกค้าในระดับที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น แต่ยังช่วยเพิ่มความคุ้มค่าของการลงทุนในการสร้างความภักดี การนำ Gamification และ Social Media มาใช้อย่างชาญฉลาด รวมถึงการวัดผลที่แม่นยำด้วย KPI และ Metrics ที่ถูกต้อง ทำให้การสร้างความภักดีกลายเป็นกลยุทธ์ที่ยั่งยืนในยุคดิจิทัล

อ่านบทความเพิ่มเติม : สร้างความภักดีที่ยั่งยืน : การออกแบบ Loyalty Program ด้วย CRM

 E-book-Complete every dimension of CRM

Ourgreenfish LINE Connect

ติดตามสาระความรู้เกี่ยวกับ
Digital Marketing และเทคโนโลยีได้ที่ Ourgreenfish Connect

 

 

Recent Posts

OGF Podcast