หลาย ๆ ธุรกิจที่กำลังพยายามทำการตลาด ด้วยการใช้ MarTech หรือ Marketing Technology เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรนั้น มักจะพบปัญหาในเรื่องของการวาง MarTech Stack เพื่อให้เครื่องมือเทคโนโลยีต่าง ๆ ทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากเครื่องมือของ MarTech นั้นมีจำนวนมากมาย ทำให้เกิดความสับสนในการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับธุรกิจ หากเลือกใช้แบบไม่มีกลยุทธ์นั้น อาจส่งผลต่อเสียต่อธุรกิจของคุณได้ ทั้งการเสียค่าใช้จ่ายไปอย่างเปล่าประโยชน์ และการดำเนินงานภายในองค์กรที่ไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร
โดย Martyna Valentaite จาก Dokobit ได้แนะนำ 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ที่จะช่วยควบคุม และวางแผนการใช้ MarTech Stack เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 : สำรวจดูว่าคุณมีเครื่องมืออะไรอยู่บ้าง?
ให้คุณทำความเข้าใจเทคโนโลยีทั้งหมดที่คุณมี โดยทำการตรวจสอบ MarTech Stack ของคุณที่มีอยู่แล้ว และให้สร้างลิสต์ของเครื่องมือทั้งหมด และแพลตฟอร์มที่คุณใช้อยู่
พิจารณาว่า เครื่องมือแต่ละอย่างเหมาะกับขั้นตอนกระบวนการทางการตลาดของคุณอย่างไร กุญแจสำคัญ คือ การทำความเข้าใจว่า เครื่องมือแต่ละอย่างแก้ไขปัญหาใดได้บ้าง และเครื่องมือเหล่านั้นรองรับเป้าหมายที่กว้างขึ้นของกลยุทธ์การตลาดของบริษัทคุณหรือไม่
โดยการตรวจสอบของคุณ ควรดูเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฟังก์ชัน และความสะดวกในการใช้งาน, ความรวดเร็ว และความเชื่อถือได้, Core ของแพลตฟอร์ม VS. โซลูชันที่แก้ไขตามจุด (Point-based solutions), การบูรณาการ และการรายงานผลแบบมัลติฟังก์ชัน, การนำมาใช้ในบริษัทอย่างทั่วถึง VS. การใช้งานแบบแยกส่วนตามแผนก และ แหล่งข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล
เรียนรู้เกี่ยวกับ MarTech ที่คุณกำลังใช้อยู่ในปัจจุบันให้มากที่สุด จะเพื่อช่วยให้คุณเตรียมพร้อมก่อนตัดสินใจ
ขั้นตอนที่ 2 : มองภาพ Roadmap ของ MarTech ให้ออก
ขั้นตอนนี้มักจะเป็นขั้นตอนที่ถูกมองข้ามอยู่บ่อยครั้ง แต่หากคุณมองเห็นการเชื่อมต่อกันของเครื่องมือทางเทคโนโลยีต่าง ๆ แบบองค์รวมจะช่วยให้คุณเข้าใจได้ดีขึ้นว่า เทคโนโลยีที่คุณมีนั้นทำงานตามกระบวนการใด และที่สำคัญที่สุดคือ มันอยู่ในจุดที่ถูกต้อง และเหมาะสมกับเป้าหมาย และกลยุทธ์ทางการตลาดของคุณหรือไม่
ขั้นตอนที่ 3 : ระบุช่องว่าง หรือ Gaps ที่เกิดขึ้น กำหนด และปรับ KPIs เพื่อเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป
เป้าหมายของคุณคือ ต้องแน่ใจว่าเครื่องมือต่าง ๆ เหมาะสมกับความต้องการของบริษัทจริง ๆ โดยจับคู่ประสิทธิภาพของเครื่องมือเหล่านี้ กับการทำการตลาด และเทรนด์ดิจิทัลที่มีผลต่อกลยุทธ์เพื่อทำให้การดำเนินงานทางการตลาดของคุณประสบความสำเร็จ
ลองดูว่าเครื่องมือเหล่านี้จะช่วยคุณในระยะยาวได้อย่างไร ซ้ำซ้อนหรือมีมากเกินไปหรือไม่? และลองคิดเกี่ยวกับเป้าหมาย และกลยุทธ์ทางธุรกิจของคุณว่า ช่องทางใดที่คุณใช้ในการนำเสนอข้อความทางการตลาด, คุณสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าอย่างไร? การตอบคำถามเหล่านี้ จะช่วยให้คุณประเมินได้ว่า คุณมีทุกมุมมองของ Customer Journey ที่ครอบคลุมหรือไม่ รวมไปถึงการพิจารณาว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ ตอบสนองความต้องการจากมุมมองที่แตกต่างกันได้อย่างไร : ทั้งมุมมองของลูกค้า, พาร์ทเนอร์ และผู้ขาย
คุณอาจระบุช่องว่างบางอย่างได้ เช่น แพลตฟอร์มอีเมลอัตโนมัติของคุณไม่เชื่อมต่อกับระบบ CRM หรือ การรายงานผลของคุณอยู่อย่างกระจัดกระจาย จำเป็นต้องแก้ไขด้วยโซลูชันใหม่ ๆ ซึ่งการใช้เครื่องมือใหม่ ๆ นั้น อาจทำให้สิ้นเปลืองเวลา และค่าใช้จ่าย อาจจะเพิ่มการฝึกอบรมให้กับทีมของคุณอีกด้วย ดังนั้น ก่อนที่คุณจะตัดสินใจลงทุนไปกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ควรดูให้แน่ชัดว่ามันสามารถแก้ไขปัญหาได้จริง ๆ
การบูรณาการควรเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุด เมื่อทำการประเมินเครื่องมือเทคโนโลยีต่าง ๆ ของคุณว่า เครื่องมือเหล่านี้ให้มุมมองครบทั้ง 360 องศาของ Customer Journey ของคุณหรือไม่? แหล่งข้อมูลเชื่อมต่อกันได้อย่างสมบูรณ์หรือว่าแยกส่วนกัน?
ขั้นตอนที่ 4 : Framework ที่เป็นหลักพื้นฐานสำหรับกลยุทธ์ MarTech ของคุณ
Framework เป็นวิธีที่ดีในการจัดระบบ และแสดงภาพกลยุทธ์ของ MarTech Stack ของคุณ และเป็นแนวทางที่จะช่วยคุณในการเลือกเครื่องมือที่รวมข้อมูลไว้ด้วยกัน ช่วยสร้าง Flow ของข้อมูล อีกทั้งยังช่วยให้มั่นใจได้ว่ากลยุทธ์ MarTech ของคุณสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจ และเครื่องมือต่าง ๆ ที่นำมาใช้นั้นช่วยสนับสนุนการทำงานอย่างสมบูรณ์แบบมากขึ้น
Framework อาจขึ้นอยู่กับขั้นตอนของ Customer Journey หรือ Framework การวางแผนการตลาด เช่น PRACE (Planning, Reach, Act, Convert, Engage) ยกตัวอย่างเช่น Framework ของ MarTech Stack ทั่วไป อาจจะมีหลักพื้นฐาน ดังนี้
- การวางแผนการตลาด (Marketing Planning)
- การดึงดูดลูกค้า (Attract)
- การเปลี่ยนเป็นลูกค้า (Convert)
- การสร้างความสัมพันธ์ เลี้ยงดู ฟูมฟัก (Nurture)
- การปิดการขาย (Sales Close)
- การวิเคราะห์ และระบบอัตโนมัติ (Analytics and automation)
โดยไม่ได้มีกฎที่ควบคุมว่า Framework กลยุทธ์ MarTech Stack ของคุณควรเป็นอย่างไร เนื่องจากทุกธุรกิจมีพันธกิจและเป้าหมายที่แตกต่างกัน ดังนั้น หลักพื้นฐานการทำงานก็ย่อมแตกต่างกันไปด้วย
ขั้นตอนที่ 5 : จัดลำดับความสำคัญ โดยมีเป้าหมายสูงสุดคือ ROI
MarTech Stack จะสร้าง Value เมื่อเทคโนโลยีถูกสร้างขึ้นมาและทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
ในขั้นตอนนี้คุณควรจะตั้ง KPI ในระยะสั้น และระยะยาวอย่างเหมาะสม เพื่อวัดความสำเร็จของการใช้เครื่องมือ MarTech และต้องทำให้ KPI เหล่านี้ สอดคล้องกับลำดับความสำคัญ และวัตถุประสงค์ขององค์กรอีกด้วย
ควรจะกำหนดเวลาในการตรวจสอบเป็นประจำ เพื่อเช็กดูว่าแผนการใช้ MarTech Stack ของคุณ กับวัตถุประสงค์ของกลยุทธ์ทางการตลาดในทุกแพลตฟอร์มหลัก และทุกจุดโซลูชันเป็นไปตามกำหนดหรือไม่ เพื่อให้ได้ประโยชน์มากขึ้นจากสิ่งที่คุณมี จากนั้น จัดลำดับความสำคัญในการลงทุน โดยยึดจากวิธีการจัดการกับช่องว่างที่มีผลกระทบสูงสุดเป็นหลักและดูว่าอะไรที่จะสร้างคุณค่า ให้คุณมากสุด: ไม่ว่าจเป็นการขยายฟังก์ชั่นการทำงานที่มีอยู่ หรือ เพิ่มความสามารถด้านนวัตกรรม?
และด้วยตัวเลือกของ MarTech ที่มีมากมาย อย่าลืมว่าไม่มีเทคโนโลยีไหน ที่เป็นพื้นฐานสำคัญที่สุดของเป้าหมายทางธุรกิจ แต่จะต้องใช้เครื่องมือหลาย ๆ ตัวมาทำงานร่วมกัน ดังนั้นบริษัทที่สามารถกำหนดกลยุทธ์ของ MarTech Stack ได้อย่างชัดเจนก็มีแนวโน้มที่จะได้ ROI ที่สูงขึ้น และเป็นธุรกิจสมัยใหม่ที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลทางเทคโนโลยีอย่างแท้จริง
Source : 5 Steps to Create a Winning MarTech Strategy (linkedin.com)
No Comments