ปิด Deal ไวขึ้นด้วย Breeze Customer Agent

Audio Version
ปิด Deal ไวขึ้นด้วย Breeze Customer Agent
16:21
Breeze Customer Agent เป็นผู้ช่วย AI อัจฉริยะที่ช่วยธุรกิจเร่งการปิดการขาย ด้วยความสามารถในการคัดกรองลูกค้าเป้าหมายและจองนัดหมายให้ทีมขายได้ทันทีภายในบทสนทนาเดียว การทำงานแบบอัตโนมัตินี้ช่วยย่นระยะเวลาจากที่เคยใช้หลายวันในการประเมิน lead และตั้งตารางนัด ให้เหลือเพียงไม่กี่นาที ซึ่งเพิ่มโอกาสในการเปลี่ยนผู้มุ่งหวังให้กลายเป็นลูกค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ Breeze ยังตอบสนองลูกค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมดึงข้อมูลส่วนบุคคลจากระบบ CRM มาช่วยในการสื่อสาร ทำให้การตอบคำถามมีความรวดเร็ว แม่นยำ และตรงตามบริบทของแบรนด์ธุรกิจทันทีที่ลูกค้าติดต่อเข้ามา ในยุคที่ลูกค้าคาดหวังประสบการณ์ที่ตอบโจทย์รวดเร็วเช่นนี้ ธุรกิจจำนวนมากจึงไว้วางใจใช้ Breeze ในการขับเคลื่อนการสนทนากับลูกค้า เพื่อเปลี่ยนบทสนทนาให้กลายเป็นยอดขายที่เพิ่มขึ้นได้จริง

คัดกรองจนถึงจองนัดโดยอัตโนมัติ (Qualification-to-Booking Automation)

Breeze Customer Agent สามารถรับหน้าที่คัดกรอง lead ให้คุณได้แบบอัตโนมัติ ตั้งแต่การพูดคุยสอบถามข้อมูลเบื้องต้นไปจนถึงการจองนัดหมายกับฝ่ายขาย ระบบ AI นี้ถูกตั้งค่าให้ใช้เกณฑ์การประเมินตามโปรไฟล์ลูกค้าเป้าหมาย (Ideal Customer Profile - ICP) และกรอบการคัดกรองแบบ BANT ซึ่งประกอบด้วยปัจจัยหลัก 4 ด้านคือ งบประมาณ (Budget), ผู้มีอำนาจตัดสินใจ (Authority), ความต้องการ (Need) และ กรอบเวลา (Timeline) ในการซื้อสินค้าหรือบริการของลูกค้า เมื่อ Breeze ได้ซักถามและประเมินว่า lead มีคุณสมบัติตรงตามเกณฑ์ที่กำหนด ระบบจะดำเนินการจองเวลานัดหมายกับทีมขายให้อัตโนมัติทันที โดยสามารถเชื่อมต่อกับปฏิทินในระบบ CRM เช่น HubSpot เพื่อค้นหาเวลาว่างที่เหมาะสมและบันทึกนัดลงปฏิทินของทีมขายโดยไม่ต้องผ่านการจัดตารางแบบแมนนวลอีกต่อไป ช่วยให้การคัดกรองคุณภาพ lead และการจองนัดเกิดขึ้นได้ในการสนทนาเพียงครั้งเดียวจริง ๆ กระบวนการอัตโนมัตินี้ลดความล่าช้าระหว่างที่ลูกค้าแสดงความสนใจจนถึงได้พูดคุยกับฝ่ายขาย จากหลายวันเหลือเพียงไม่กี่นาที ซึ่งยิ่งเข้าถึงลูกค้าได้เร็วเท่าใด โอกาสที่ lead จะเดินหน้าต่อไปสู่การเป็นลูกค้าจริงก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น

  • งบประมาณ (Budget): ตรวจสอบว่าลูกค้ามีงบประมาณเพียงพอสำหรับการลงทุนในโซลูชันของเราหรือไม่
  • ผู้มีอำนาจตัดสินใจ (Authority): ผู้ที่เราสื่อสารด้วยมีอำนาจตัดสินใจซื้อหรือสามารถชี้นำผู้มีอำนาจได้หรือไม่
  • ความต้องการ (Need): ลูกค้ามีความต้องการหรือปัญหาที่ผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราช่วยแก้ไขได้จริงหรือไม่
  • กรอบเวลา (Timeline): ลูกค้ามีกำหนดเวลาสำหรับการตัดสินใจซื้อไว้หรือไม่ และเป็นช่วงใด

เมื่อ lead ผ่านเกณฑ์ครบทุกข้อ ทีมขายของคุณก็แทบจะมั่นใจได้ว่า lead นั้นคือโอกาสที่มีคุณภาพ พร้อมสำหรับขั้นตอนถัดไป ซึ่ง Breeze ได้เตรียมการนัดหมายไว้ให้อย่างเรียบร้อยแล้วโดยไม่ปล่อยให้ความสนใจของลูกค้าต้องรอคอยนานเกินไป

AI ​​Search

บทสนทนาการขายแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Sales Conversations)

Breeze ไม่ได้เป็นเพียงแชทบอทตอบคำถามทั่วไป แต่ยังสามารถดึงข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าแต่ละรายจากระบบ CRM มาปรับใช้ในการสนทนาได้อย่างเต็มที่ AI ตัวนี้เชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น HubSpot CRM และ LINE CRM ขององค์กร ทำให้เข้าถึงประวัติการติดต่อ ข้อมูลบริษัท ขนาดธุรกิจ อุตสาหกรรม รวมถึงความสนใจหรือการโต้ตอบครั้งก่อนของลูกค้า แล้วนำมาประมวลผลให้การพูดคุยมีความเฉพาะเจาะจงราวกับพนักงานขายที่รู้จักลูกค้ารายนี้เป็นอย่างดี ส่งผลให้การสื่อสารมีประสิทธิภาพและตรงใจมากขึ้น การสร้างบทสนทนาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลบนพื้นฐานข้อมูลเชิงลึกจาก CRM เช่นนี้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับการดูแลและใส่ใจในความต้องการเฉพาะตน เพิ่มโอกาสที่ลูกค้าจะสนใจและไว้ใจแบรนด์มากขึ้น Ourgreenfish ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ AI ร่วมกับ CRM ยังชี้ให้เห็นว่าการมีข้อมูลลูกค้าแบบบูรณาการจากทุกช่องทางช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงจุดยิ่งขึ้น “การสื่อสารที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลบนพื้นฐานข้อมูลเชิงลึกจากแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์” ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างประสบการณ์ลูกค้าที่ดีเยี่ยมและโดดเด่นกว่าใคร นอกจากนี้ การผสานข้อมูลระหว่างฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย และบริการลูกค้า ผ่าน CRM เดียวกัน เช่น HubSpot ยังช่วยให้การส่งต่อข้อมูลระหว่างทีมเป็นไปอย่างไร้รอยต่อ ทุกฝ่ายมองเห็นข้อมูลเดียวกัน จึงตอบลูกค้าได้ต่อเนื่องและไม่หลุดประเด็น นำไปสู่การปิดการขายที่รวดเร็วขึ้นและลูกค้ามีความพึงพอใจมากขึ้นอีกด้วย

ตัวอย่างของความเป็นส่วนตัวในการสนทนาที่ Breeze สามารถทำได้ ได้แก่

  • ทักทายลูกค้าโดยใช้ชื่อจริงและระบุชื่อองค์กรของลูกค้า เพื่อสร้างความคุ้นเคยตั้งแต่เริ่มต้น
  • ให้คำแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมของลูกค้าหรือปัญหาที่ลูกค้าเคยสอบถามมาก่อน
  • ตอบคำถามเชิงลึกโดยอ้างอิงข้อมูลจริงจากประวัติการซื้อหรือการโต้ตอบครั้งก่อนของลูกค้า เพื่อคำตอบที่แม่นยำและเชื่อถือได้

บทสนทนาการขายที่ถูกปรับให้เหมาะกับแต่ละบุคคลเช่นนี้ ทำให้ลูกค้ารู้สึกประทับใจและได้รับประสบการณ์ที่ดีแตกต่างจากการตอบแบบสคริปต์ทั่วไป และเมื่อผสานกับความรวดเร็วในการตอบกลับ ลูกค้าจะยิ่งเชื่อมั่นที่จะนัดหมายพูดคุยธุรกิจและเดินหน้าต่อในเส้นทางการขายกับองค์กรของคุณมากขึ้น

CTA : AI SALE HUB

Sales Playbook 2.0 ยกระดับกลยุทธ์การขายด้วย AI

การนำ Breeze Customer Agent มาใช้งาน เปรียบเสมือนการยกระดับคู่มือและกระบวนการขาย (Sales Playbook) ขององค์กรไปสู่อีกขั้นหนึ่ง ในรูปแบบเดิม ทีมขายต้องเสียเวลามากกับการติดตาม lead จำนวนมากที่ยังไม่ทราบคุณภาพ ซึ่งอาจมีทั้ง lead ที่มีแนวโน้มซื้อจริงและ lead ที่ยังไม่พร้อมซื้อผสมกัน การไม่มีระบบกรองที่ดีทำให้พนักงานขายใช้แรงและเวลามหาศาลไปกับ lead ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ แต่ด้วย AI Agent ที่เข้ามารับบทบาทเหมือนทีม SDR จะช่วยกรองและแจกแจง lead ให้โดยอัตโนมัติตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงโดยไม่หยุดพัก ผลลัพธ์คือทีมขายของคุณจะได้รับเฉพาะ lead ที่ผ่านการประเมินคุณภาพแล้วเท่านั้น พนักงานขายจึงสามารถโฟกัสพลังงานไปกับการติดตามและปิดดีลกับลูกค้าที่ “พร้อมซื้อ” ได้ทันที แทนที่จะต้องมากรองหาเองท่ามกลางรายชื่อ lead จำนวนมหาศาล แนวทาง Sales Playbook 2.0 นี้ช่วยให้การบริหารจัดการ lead เป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งยังสร้างมาตรฐานการคัดกรองที่เสมอต้นเสมอปลายไม่ว่า lead จะเข้ามาเมื่อใดหรือจำนวนเท่าใดก็ตาม เพราะ AI จะทำงานตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ทุกครั้งอย่างไม่มีตกหล่น

shutterstock_2502179335

นี่คือวิธีการที่ทีมขายยุคใหม่ใช้ในการคัดกรองผู้มุ่งหวัง เร่งการเปลี่ยนเป็นลูกค้า และเติบโตได้โดยไม่ต้องเพิ่มพนักงานคนใหม่ ผลที่ตามมาคือประสิทธิภาพโดยรวมของทีมขายสูงขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อเหล่าเซลส์ได้รับ lead ที่มีแนวโน้มซื้อสูงในปริมาณมากขึ้นโดยไม่เพิ่มงานเอกสารหรือภาระการติดตาม ดังที่ผู้บริหารบริษัทแห่งหนึ่งได้กล่าวถึงการใช้ Breeze ว่า “ยิ่งเราสามารถให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่ลูกค้าได้เร็วเท่าไร ลูกค้าก็ยิ่งมีแนวโน้มจะกลายมาเป็นลูกค้ามากขึ้นเท่านั้น” สะท้อนให้เห็นว่าเมื่อมี AI ช่วยตอบคำถามและปิดงานขั้นต้นอย่างรวดเร็ว ความเร็วในการเปลี่ยน lead เป็นดีลก็เพิ่มสูงขึ้นจริง นอกจากนี้ ยังมีกรณีศึกษาที่รายงานว่า Breeze ช่วยลดจำนวนเคสงานบริการที่ทีมซัพพอร์ตต้องจัดการลงได้ถึง 77% พร้อมกับช่วยเพิ่มอัตราการเปลี่ยนลูกค้าเป้าหมายเป็นลูกค้าจริงผ่านการให้บริการตอบคำถามตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย ซึ่งตอกย้ำว่า AI Agent ไม่ได้เพียงช่วยแบ่งเบางานเท่านั้น แต่ยังสร้างผลลัพธ์เชิงธุรกิจที่จับต้องได้ ทั้งในด้านยอดขายและความพึงพอใจของลูกค้า

My CTA (15 July 2024 9:59)

กลยุทธ์นัดหมายทันที เพิ่ม Conversion Rate และลด No-Show

หนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ Breeze ส่งเสริมให้เกิดขึ้นคือแนวคิด “Meeting-First” หรือ กลยุทธ์เน้นการนัดหมายให้เร็วที่สุด หมายความว่าทันทีที่ลูกค้าแสดงความสนใจและผ่านการคัดกรองเบื้องต้น การดึงลูกค้าเข้าสู่ขั้นตอนการนัดหมายพูดคุยธุรกิจกับฝ่ายขายจะถูกดำเนินการทันทีภายในบทสนทนานั้น แทนที่จะรอการติดต่อนัดหมายในภายหลัง การเร่งให้นัดหมายเกิดขึ้นตั้งแต่บทสนทนาแรกนี้ส่งผลอย่างมากต่ออัตราการเปลี่ยน lead เป็นลูกค้า เพราะลูกค้ายังอยู่ในช่วงที่มีความสนใจสูงสุด การที่ลูกค้าได้ล็อกวันและเวลาพูดคุยกับเซลส์ทันทีจะสร้าง commitment เล็กๆ ที่ทำให้ลูกค้ามีแนวโน้มเดินหน้าต่อมากขึ้น ลดโอกาสที่จะปล่อยให้ความสนใจเย็นลงหรือถูกคู่แข่งแย่งไป ข้อมูลวิจัยยังสนับสนุนแนวคิดนี้ เช่น การตอบสนอง lead ภายในเวลาเพียง 5 นาทีแรก สามารถเพิ่มโอกาสที่ lead จะยอมตกลงเข้าพบกับทีมขายได้มากขึ้นถึง 100 เท่า เมื่อเทียบกับการตอบกลับที่ล่าช้ากว่านั้น Breeze ช่วยให้สถานการณ์อุดมคตินี้เกิดขึ้นจริง เพราะ AI จะเริ่มสนทนาและประเมิน lead ทันทีที่เข้ามา จากนั้นจึงเสนอการนัดหมายและจองเวลาในปฏิทินให้โดยไม่ปล่อยให้ lead ต้องรอข้ามวัน

นอกจากจะเพิ่มอัตราการได้นัดแล้ว การนัดหมายที่เกิดขึ้นทันทีพร้อมส่งรายละเอียดยืนยันไปให้ลูกค้าก็ยังช่วยลดปัญหา “ลูกค้าไม่มาตามนัด” (no-show) ได้ด้วย เมื่อลูกค้าเพิ่งตกลงนัดหมายในช่วงที่ความสนใจของเขายังสดใหม่ โอกาสที่เขาจะรักษาคำมั่นและมาเข้าพบก็สูงขึ้น ประกอบกับระบบสามารถส่งอีเมลหรือข้อความเตือนความจำโดยอัตโนมัติก่อนถึงวันนัด ยิ่งช่วยเพิ่ม อัตราการมาพบตามนัด ให้ดีขึ้น. จากรายงานพบว่าทีมขายที่ใช้การจัดตารางนัดหมายอัตโนมัติด้วย AI สามารถลดอัตราการนัดแล้วไม่มาได้ถึง 25% เลยทีเดียว ด้วยวิธีนี้ ทีมขายสามารถมั่นใจได้มากขึ้นว่า lead ที่ผ่านการนัดหมายไว้จะเดินทางมาพบตามเวลาที่กำหนด ซึ่งหมายถึงโอกาสในการปิดการขายที่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย Meeting-First จึงไม่เพียงเพิ่มสัดส่วน lead ที่เปลี่ยนเป็นดีล แต่ยังช่วยรักษาประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าด้วยการลดความยุ่งยากและความล่าช้าในขั้นตอนการนัดหมายลงอย่างชัดเจน


เพิ่มความเร็ว Pipeline และผลักดันยอดขายในวงกว้าง (Pipeline Velocity at Scale)

เมื่อรวมทุกองค์ประกอบตั้งแต่การคัดกรองอัตโนมัติ การสนทนาแบบเฉพาะบุคคล การนัดหมายทันที และการจัดลำดับความสำคัญของ lead อย่างเป็นระบบ ผลลัพธ์ที่ได้คือ Pipeline Velocity หรือความเร็วในการผลักดัน lead ผ่านขั้นตอนต่างๆ จนกลายเป็นดีลสำเร็จขององค์กรเพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก การที่ขั้นตอนเริ่มต้นของการขาย (qualification และ booking) ถูกย่นย่อให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและราบรื่น ส่งผลให้ วงจรการขาย (sales cycle) สั้นลง ทีมขายสามารถติดต่อและติดตาม lead ที่มีคุณภาพได้ภายในวันหรือสองวันแรกหลังแสดงความสนใจ แทนที่จะปล่อยให้เวลาล่วงเลยไปเป็นสัปดาห์ ยิ่งไปกว่านั้น ระบบอัตโนมัติยังเปิดโอกาสให้ธุรกิจรองรับจำนวน lead ที่เข้ามามากๆ ได้พร้อมกันในเวลาเดียวกัน โดยไม่ต้องเพิ่มจำนวนพนักงาน เพราะ AI Agent สามารถสนทนากับ lead หลายรายพร้อมกันได้ 24/7 โดยไม่มีวันหยุด ซึ่งหมายความว่าธุรกิจสามารถขยายงานขายให้รองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้อย่างไร้ข้อจำกัดเรื่องทรัพยากรบุคคล

ผลลัพธ์เชิงปริมาณที่เห็นได้ชัดคือ อัตราการปิดการขาย (win rate) ที่สูงขึ้น ควบคู่กับ ต้นทุนต่อดีลที่ลดลง เนื่องจากการใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากกว่า มีการรายงานว่าธุรกิจที่นำ AI ในแพลตฟอร์ม HubSpot มาใช้ สามารถปิดดีลการขายเพิ่มขึ้นได้ถึง 33% เมื่อเทียบกับก่อนใช้ AI ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนศักยภาพของเครื่องมืออย่าง Breeze ในการเร่งยอดขาย นอกจากนั้น การติดตามวัดผลก็ง่ายและชัดเจน ระบบสามารถบันทึกข้อมูลสำคัญ เช่น จำนวน lead ที่ผ่านการคัดกรอง, จำนวนการนัดหมายที่จัดให้, อัตราส่วนการแปลง lead เป็นลูกค้า และระยะเวลาเฉลี่ยในการปิดดีล เป็นต้น เมื่อผู้บริหารมีข้อมูลเหล่านี้ครบถ้วนจากแดชบอร์ดของ CRM จึงสามารถมองเห็นภาพรวมของ pipeline และจุดที่ต้องปรับปรุงได้อย่างรวดเร็ว เพื่อปรับแต่งกลยุทธ์การขายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นอยู่ตลอดเวลา

โดยสรุป การนำ AI-powered CRM อย่าง Breeze Customer Agent เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขาย ถือเป็นก้าวสำคัญในการพลิกโฉมธุรกิจสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ อันจะช่วยให้องค์กรของคุณสามารถเร่งการเปลี่ยนแปลงธุรกิจเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ในสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ เมื่อเครื่องมือ AI สามารถทำงานซ้ำๆ ที่เคยหนักหนาให้เสร็จสิ้นอย่างมีประสิทธิภาพ ทีมขายก็มีเวลามากขึ้นสำหรับงานเชิงกลยุทธ์และการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าเชิงลึก สุดท้ายแล้ว เทคโนโลยีอย่าง Breeze ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือ แต่คือหุ้นส่วนในการเติบโตทางธุรกิจที่ช่วยผลักดันให้บริษัทของคุณก้าวล้ำคู่แข่งและเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในยุคดิจิทัล

อ้างอิง : 

อ่านบทความเพิ่มเติม : อัปเดตล่าสุด : HUBSPOT MARKETING+

Contact Sales Add line

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com

 

LINE Connect

OGF Podcast