Customer Data Platform หรือ CDP ถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ผู้บริหาร หรือนักการตลาดยุคใหม่ นำมาใช้งานในองค์กรกันมากขึ้น โดยเฉพาะองค์กรขนาดใหญ่ ที่มีบุคลากรหลายฝ่าย และมีข้อมูลจำนวนมหาศาลที่ต้องการการบริหารจัดการ เพื่อนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เนื่องจากการดำเนินงานของธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการตลาด, การขาย หรือการให้บริการ ล้วนต้องใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อน ในการวางแผนกลยุทธ์การทำงานทั้งสิ้น โดยในปัจจุบัน ก็มี CDP ให้เลือกใช้งานหลากหลายรูปแบบ ซึ่งจะตอบโจทย์ธุรกิจในด้านต่าง ๆ
และสำหรับธุรกิจที่เป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่กำลังศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ CDP และมองหา CDP ที่เหมาะสมกับธุรกิจของตนเองอยู่นั้น เราจะมาแนะนำแพลตฟอร์ม CDP ในระดับองค์กรที่น่าสนใจ นั่นก็คือ CDP ของ Treasure Data พร้อมภาพรวม และหลักการทำงานของ CDP ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการดำเนินธุรกิจของคุณได้
Treasure Data คืออะไร
Treasure Data เป็นผู้ให้บริการทางด้าน Customer Data Platform หรือ CDP ที่ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ ในหลากหลายอุตสาหกรรม สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีการใช้งานที่ง่าย และมีมาตรฐานความปลอดภัยต่อทั้งธุรกิจ และลูกค้าของธุรกิจ โดยจะเป็น CDP ที่เหมาะกับองค์กร หรือธุรกิจขนาดใหญ่ ซึ่งมีข้อมูลจำนวนมาก และต้องการลดความซับซ้อน และความยุ่งยากในการบริหารจัดการข้อมูลทั้งหมดขององค์กร
โดย Treasure Data ยังได้รับรางวัลผู้ชนะ Best Customer Data Platform (CDP) จากงาน Marketing Technology Awards ในปี 2019 และได้รับความเชื่อถือจากผู้สร้างสรรค์นวัตกรรมในทุกอุตสาหกรรม โดย Treasure Data นั้น ได้บริหารจัดการข้อมูลลูกค้าให้กับแบรนด์ และองค์กรระดับโลก ในหลากหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็น ร้านค้าปลีก, สินค้าอุปโภคบริโภค, อุตสาหกรรมยานยนต์, สื่อและธุรกิจบันเทิง, บริการทางการเงิน และชีววิทยาศาสตร์
ทำไมต้อง Treasure Data
หลายบริษัทใช้ CDP เพื่อช่วยในการทำแคมเปญการตลาด แต่ถ้าคุณไม่ได้ใช้งานข้อมูลลูกค้าในทุกแบรนด์, ในทุกช่องทางทั่วทั้งธุรกิจ ก็แสดงว่า คุณเพิ่งสร้างปัญหา Data Silos เพิ่มนั่นเอง โดย Data Treasure ช่วยให้องค์กรต่าง ๆ แก้ปัญหาการเชื่อมต่อข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์ รวมไปถึง การรวมโปรไฟล์ลูกค้าให้เป็นหนึ่งเดียว ด้วยการอ้างอิงจากการมีปฏิสัมพันธ์ของลูกค้าในอดีต, พฤติกรรมแบบ Real-time และการคาดการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI
ภาพรวมของ Customer Data Platform
Treasure Data คือ Customer Data Platform (CDP) การทำความเข้าใจว่า CDP คืออะไรและมันทำงานอย่างไร จะช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่า Treasure Data สามารถช่วยองค์กรของคุณอย่างไรได้บ้าง
สิ่งที่สำคัญกับองค์กรมากขึ้นเรื่อย ๆ คือ การตามทันเทคโนโลยีที่จะช่วยให้รู้ และเข้าใจว่า ลูกค้าของพวกเขาเป็นใคร ด้วยการใช้ประโยชน์จากการเก็บข้อมูลลูกค้าขององค์กร โดยเทคโนโลยีสามารถนำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์ของลูกค้าที่ดีขึ้นได้ แต่ปัญหาก็คือ องค์กรมีข้อมูลที่จัดเก็บอยู่ในหลายที่ และไม่มีวิธีการที่จะรวมข้อมูลเหล่านั้นไว้ในที่เดียวกันได้ ซึ่ง CDP จะช่วยแก้ไขปัญนี้ให้กับองค์กรได้
CDP คืออะไร? จากข้อมูลของ CDP Institute “Customer Data Platform เป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูปที่สร้างฐานข้อมูลลูกค้าที่รวมไว้ให้อยู่เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งระบบอื่น ๆ นั้น สามารถเข้าถึงได้” นอกจากการรวบรวมข้อมูลโปรไฟล์ของลูกค้าแล้ว ยังเป็นที่ที่รวบรวมข้อมูลที่ส่งผลต่อลูกค้าอีกด้วย และช่วยให้องค์กรสามารถใช้ข้อมูลเหล่านั้น เพื่อสร้างประสบการณ์แบบ Personalization มากขึ้นสำหรับลูกค้าแต่ละราย
โครงสร้างของ Customer Data Platform (Customer Data Platform Architecture)
CDP ช่วยให้คุณสามารถดึงข้อมูลแบบ First-Party Data ซึ่งเป็นข้อมูลทั้งหมดที่องค์กรของคุณเป็นเจ้าของ เช่น ข้อมูล POS, ข้อมูล ERP, ข้อมูล Web logs และข้อมูล Social มาไว้ในที่เดียวกัน โดย CDP ยังสามารถเชื่อมต่อกับช่องทางต่าง ๆ ขององค์กรของคุณได้ อย่างเช่น Website, ระบบ CRM และ Social Media ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลเพิ่มเติม และก็ยังรวมไปถึงโอกาสในการทำแคมเปญอีกด้วย
นอกจากนี้ คุณยังสามารถนำเข้าข้อมูลแบบ Second-Party Data และ Third-Party Data ซึ่งมีผลต่อลูกค้าของคุณ เช่น ข้อมูลประชากร, สภาพอากาศ, อาชีพ และรายได้
ความสามารถในการนำเข้าข้อมูลของบริษัท และข้อมูลของช่องทางต่าง ๆ ของคุณให้มารวมกันเป็นหนึ่งเดียว รวมถึงการทำแคมเปญออกไปผ่านช่องทางของคุณ จะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้า เมื่อพวกเขาได้เข้ามายัง Customer Lifecycle หรือ วงจรการตัดสินใจของลูกค้า และทำให้การเดินทางของลูกค้าเป็นไปแบบ Personalization ซึ่งจะช่วยคุณวางแผน และเตรียมการ Customer Journey ที่มีการพัฒนาให้ดีขึ้น ตั้งแต่ขั้น Awareness หรือขั้นการรับรู้ ไปจนถึงขั้น Advocacy หรือขั้นการสนับสนุน
Use Cases ของการใช้งาน CDP
ลองมาดูตัวอย่างของวิธีการที่ CDP ของ Treasure Data จะช่วยให้คุณสามารถเพิ่มประสิทธิภาพให้กับ Customer Journey ของคุณได้
โครงสร้างของ Treasure Data (Treasure Data Architecture)
การทำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างของ Treasure Data (Treasure Data Architecture) นั้น มีประโยชน์ในการที่จะรู้ถึงวิธีการที่ CDP ของ Treasure Data ช่วยพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าของคุณ ด้วยการรวมแหล่งข้อมูลที่มีอยู่ของคุณให้เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มีค่า ซึ่งส่งผลต่อการสื่อสาร และแคมเปญที่ตรงเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังเป็นประโยชน์ในการดูว่า ข้อมูลของคุณนั้น จะถูกจัดเก็บ และรวบรวมให้อยู่ในที่เดียว รวมไปถึงการเพิ่มคุณค่าของข้อมูล และนำข้อมูลไปใช้งานได้อย่างไร
ภาพรวมของโครงสร้าง
Treasure Data ช่วยให้คุณเชื่อมต่อกับข้อมูลของคุณทั้งจาก First-Party Data, Second-Party Data และ Third-Party Data อีกทั้งยังรวมข้อมูลเหล่านี้ให้อยู่ใน Pipeline ของข้อมูลเดียวกัน ซึ่งสามารถเปลี่ยนเป็นการแบ่งกลุ่มหลักของโปรไฟล์ลูกค้าได้ โดยการแบ่งกลุ่มหลักนี้ จะทำให้ดีขึ้นได้อีก ด้วยการทำการแบ่งกลุ่ม และการประมวลผลข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป หลังจากนั้น คุณก็สามารถใช้งาน โดยการวิเคราะห์ข้อมูล ด้วยการใช้เครื่องมือด้านวิทยาการข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้ง การแปลงข้อมูลให้เป็นการสื่อสารแบบ Personalization และแคมเปญที่ตรงเป้าหมาย
ข้อมูลของคุณจะเข้าไปยังระบบ CDP ของ Treasure Data ได้อย่างไร?
Connect
Treasure Data ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลลูกค้าทั้งหมดของคุณ และข้อมูลอื่น ๆ ที่มีผลต่อลูกค้าของคุณ ด้วยการใช้ Integration Hub และ Data Workbench
Integration Hub
เมื่อใช้ Integration Hub คุณจะสามารถ Import ข้อมูลจากแหล่งข้อมูลแบบ First-Party Data ได้ ด้วยการอัปโหลดไฟล์ TSV หรือ ไฟล์ CSV หรือคุณสามารถเข้าถึง และนำเข้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูลแบบ Second-Party Data และ Third-Party Data ยกตัวอย่างเช่น นำเข้าข้อมูลจาก Mobile, Web, ระบบ CRM และระบบ POS ลงในการแสดงข้อมูลแบบ Schema-free Data หรือโครงสร้างที่ข้อมูลเป็นแบบอิสระ ไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ซึ่งช่วยให้ฝ่ายธุรกิจต่าง ๆ สามารถสื่อสาร และใช้ข้อมูลได้ทั่วทั้งองค์กร หรือคุณจะนำเข้าข้อมูลจากแหล่ง Streaming Data ที่เก็บรวมรวมข้อมูลได้แบบ Real-time เช่น Application ทาง Website และ Mobile และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ต่าง ๆ
Data Workbench
เมื่อใช้ Data Workbench คุณสามารถนำเข้าข้อมูลจากแหล่งข้อมูลแบบ First-Party Data ที่รวบรวมข้อมูลด้วยการประมวลผลแบบกลุ่ม (Batch Process) อย่างเช่น Production Database หรือฐานข้อมูลที่มาจากการดำเนินงานในหลายระบบ, เครื่องมือ CRM SaaS และระบบ POS และตั้งค่า Database และ Tables หรือ โครงสร้างสำหรับการเก็บข้อมูล
Unify and Enrich
หลังจากเชื่อมต่อกับแหล่งข้อมูลของคุณแล้ว คุณก็สามารถรวมข้อมูลของคุณให้เป็นกลุ่มหลัก ๆ ได้ และใช้ Treasure Data เพื่อประมวลผลข้อมูลของคุณ และสร้างการแบ่งกลุ่มที่มีเป้าหมายเพิ่มเติม สำหรับการวิเคราะห์ และแคมเปญด้วยการใช้ Data Workbench และ Audience Studio ได้
Data Workbench
การใช้ Data Workbench ทำให้สามารถสร้างการแบ่งกลุ่มหลัก ๆ ของโปรไฟล์ลูกค้าของคุณ และใช้เครื่องมือในการประมวลผล เพื่อค้นหาข้อมูลเชิงลึกที่ก่อนหน้านี้ถูกซ่อนไว้ เพราะ Pipeline ของข้อมูลนั้น มีความซับซ้อน นอกจากนี้ ยังสามารถ Export ข้อมูลของคุณไปยังระบบที่คุณเลือกได้อย่างราบรื่น เช่น เครื่องมือด้านวิทยาการข้อมูล, เครื่องมือวิเคราะห์ธุรกิจ และ ระบบ CRM
Audience Studio
เมื่อใช้ Audience Studio ซึ่งเป็น Interface ที่ใช้งานง่ายสำหรับนักการตลาด คุณจะได้รับข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม และเตรียมข้อมูลสำหรับการใช้งาน โดยคุณสามารถดูปริมาณ และอัตราการเติบโตของกลุ่มหลักที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งดู และเปรียบเทียบกลุ่มที่มีอยู่ภายในกลุ่มหลักได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยให้คุณสร้างกลุ่มอีกชุดหนึ่งจากกลุ่มหลักที่มีอยู่ และค้นหาข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติม ด้วยการใช้ประโยชน์จาก Machine Learning ของ Treasure Data ผ่านการใช้การให้คะแนนเชิงคาดการณ์ ซึ่งจะช่วยให้คุณเข้าใจ และคาดการณ์พฤติกรรมของลูกค้าได้แม่นยำยิ่งขึ้น
Activate
หลังจากสร้างการแบ่งกลุ่มตามกฎชุดหนึ่งแล้ว คุณก็สามารถ Export ข้อมูลนั้นผ่านการเชื่อมต่อที่ตั้งค่าไว้ใน Treasure Data ไปยังเครื่องมือวิเคราะห์ และทำการเริ่มแคมเปญเป้าหมาย อย่างเช่น การแจ้งเตือนผ่านมือถือ, การทำ E-mail Marketing และการทำให้เว็บไซต์เป็นแบบ Personalization ได้
Treasure Data
Treasure Agent เป็นตัวเก็บรวบรวมข้อมูลในตัว
Treasure Data มี daemon (ตัวที่ประมวลผลของโปรแกรม ซึ่งทำงานอยู่เบื้องหลัง และคอยจัดการกับคำสั่งที่เข้ามาในระบบ) เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูล นั่นก็คือ Treasure Agent ซึ่งจะติดตั้งไว้ในโครงสร้างพื้นฐานที่คุณมีอยู่ โดย Treasure Agent รวบรวมบันทึกจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ และอัปโหลดข้อมูลไปยังที่เก็บข้อมูลบน Cloud ของ Treasure Data ได้อย่างต่อเนื่อง
ความสามารถในการเก็บรวบรวมข้อมูลที่พร้อมใช้งาน
Treasure Data มีตัวเลือกที่ยืดหยุ่น เพื่อทำให้การเก็บรวบรวมข้อมูลในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่หลากหลายนั้น ง่ายมากขึ้น
การกำจัดข้อมูลที่ซ้ำซ้อน (Data Deduplication) สำหรับการผสานรวมระบบต่าง ๆ
Treasure Data รองรับการกำจัดข้อมูลที่ซ้ำซ้อน ด้วยการใช้ Treasure Agent ซึ่งเป็นกลไกการเก็บรวบรวม Streaming Data
การกำจัดบันทึกที่ซ้ำซ้อนต่อ 1 บันทึก
เพื่อหลีกเลี่ยงการบันทึกที่ซ้ำซ้อนกัน ระหว่างการถ่ายโอนข้อมูลมือถือ หรือ Unity SDK (Software Development Kit) Treasure Data มีการกำจัดข้อมูลที่ซ้ำซ้อนต่อหนึ่ง 1 บันทึก
การกำจัดข้อมูลที่ซ้ำซ้อนต่อ 1 บันทึกของ Treasure Data จะขึ้นอยู่กับ Field ของ UUID ที่ลูกค้าให้ไว้ภายในบันทึก (หรือ UUID ที่กำหนดเป็นการภายในที่เป็น Metadata) โดยเครื่องมือจะ Import เหตุการณ์ในรูปแบบเดียวกัน โดยใช้ฟีเจอร์เหล่านี้ร่วมกัน
โดยเครื่องมือนี้ จะมีกระบวนการทำงานด้วยการเพิ่ม Unique Keys และลองอัปโหลดอีกครั้งจนกว่าจะยืนยันว่า มีการอัปโหลด และจัดเก็บกระบวนการทั้งหมดในฝั่ง Server แล้ว (อย่างน้อยหนึ่งครั้ง) โดยฝั่ง Server จะจดจำ Unique Keys ของกระบวนการทั้งหมดภายใน 1 ชั่วโมงที่ผ่านมา และสามารถป้องกันการ Import ซ้ำได้ ซึ่งการกำจัดข้อมูลที่ซ้ำซ้อนเป็นระบบความพยายามที่ดีที่สุดที่จะระบุบันทึกที่ซ้ำกัน หากพบบันทึกที่มีตัวระบุเดียวกันในชุดข้อมูลเดียวกัน ภายในชั่วโมงสุดท้ายหรือภายใน 4096 บันทึกล่าสุด ขึ้นอยู่กับว่า เคสใดจะเกิดขึ้นก่อน
จะเห็นได้ว่า CDP นั้น เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตไปได้อย่างต่อเนื่อง และมั่นคง ด้วยการใช้ข้อมูลเป็นตัวขับเคลื่อนในการตัดสินใจการดำเนินทางธุรกิจในด้านต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
และหากธุรกิจของคุณเป็นองค์กรในระดับใหญ่ และสนใจการใช้งานของ CDP สามารถติดต่อ Ourgreenfish ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ในประเทศไทยของ Treasure Data โดยคุณสามารถสอบถามเพิ่มเติม และขอรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญของเราได้เลย
Source : Customer Data Platforms (CDP) , Treasure Data, Treasure Data
อ่านบทความเพิ่มเติม : ทำไมการเติบโตของ CUSTOMER DATA PLATFORM (CDP) ถึงสำคัญต่อธุรกิจ?