การดึงดูดลูกค้ารายใหม่ในตลาด B2B อาจเป็นความท้าทายที่เจ้าของธุรกิจหลายคนต้องเผชิญ ความซับซ้อนของกระบวนการตัดสินใจซื้อในองค์กร และความจำเป็นในการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาว ทำให้การสร้าง Lead ที่มีคุณภาพเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสำเร็จ
วิธีการหา Lead ที่มีคุณภาพ สำหรับการตลาด B2B
Lead ที่มีคุณภาพ หมายถึงลูกค้าที่มีโอกาสสูงที่จะเปลี่ยนเป็นลูกค้าจริง การค้นหา Lead ดังกล่าวต้องเริ่มจากการทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจให้ชัดเจน
-
กำหนด Buyer Persona: การสร้างภาพแทนลูกค้า (Buyer Persona) ช่วยให้คุณมองเห็นลักษณะของลูกค้าที่คุณต้องการได้ชัดเจนขึ้น เช่น ตำแหน่งหน้าที่ อายุ ประเภทอุตสาหกรรม และปัญหาที่พวกเขากำลังเผชิญ ตัวอย่างเช่น บริษัทซอฟต์แวร์ ERP อาจมองหา Lead ในตำแหน่ง CFO หรือผู้จัดการฝ่าย IT ในอุตสาหกรรมผลิต
-
ใช้ LinkedIn และ Content Marketing : LinkedIn เป็นช่องทางที่เหมาะสำหรับการหา Lead ในตลาด B2B คุณสามารถใช้ฟีเจอร์เช่น Sales Navigator เพื่อค้นหาโปรไฟล์ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย และส่งข้อความตรงถึงพวกเขา นอกจากนี้ การเขียนบทความที่ตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าบนบล็อกเว็บไซต์ หรือแชร์บนโซเชียลมีเดีย ยังช่วยสร้างการมองเห็นและดึงดูด Lead ที่สนใจในสิ่งที่คุณนำเสนอ
-
การจัดกิจกรรมสัมมนาออนไลน์ (Webinar): Webinar เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีประสิทธิภาพในการดึงดูด Lead คุณสามารถจัดหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับความท้าทายในอุตสาหกรรมของลูกค้า ตัวอย่างเช่น หากคุณขายโซลูชัน CRM ให้กับธุรกิจ B2B การจัดสัมมนาในหัวข้อ “เพิ่มยอดขายด้วยการใช้ CRM อย่างมืออาชีพ” จะดึงดูดผู้ที่สนใจในโซลูชันของคุณ
เครื่องมือในการติดตามและดูแลลูกค้าของการตลาด B2B
การสร้าง Lead เพียงอย่างเดียวไม่เพียงพอ คุณต้องมีระบบติดตามและดูแลลูกค้า (Lead Nurturing) เพื่อเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย
-
ระบบ CRM (Customer Relationship Management): ระบบ CRM เช่น Salesforce, HubSpot หรือ Zoho CRM เป็นเครื่องมือสำคัญในการติดตามข้อมูลลูกค้า เช่น การติดต่อ การส่งอีเมล และสถานะในกระบวนการขาย ตัวอย่างเช่น HubSpot มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณติดตามการเปิดอีเมลหรือกิจกรรมของ Lead บนเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถตอบสนองได้อย่างเหมาะสม
-
ระบบ Marketing Automation: การใช้แพลตฟอร์ม Marketing Automation อย่าง ActiveCampaign หรือ Marketo ช่วยให้คุณสามารถส่งอีเมลที่ตรงกับความสนใจของลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ เช่น หากลูกค้าดาวน์โหลดเอกสารคู่มือจากเว็บไซต์ ระบบสามารถส่งอีเมลติดตามเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องได้
-
การจัดการข้อมูลลูกค้าแบบรวมศูนย์: การเก็บข้อมูล Lead ไว้ในที่เดียวช่วยลดความซ้ำซ้อนและเพิ่มความแม่นยำ ตัวอย่างเช่น Google Workspace หรือ Notion สามารถใช้ในการจัดระเบียบข้อมูล Lead และการทำงานร่วมกันในทีมขาย
การวัดผลและปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับการตลาด B2B
การวัดผลเป็นขั้นตอนที่ช่วยให้คุณทราบว่าแคมเปญ Lead Generation ของคุณได้ผลหรือไม่ และต้องปรับปรุงอย่างไร
-
การใช้ KPI (Key Performance Indicators): ในตลาด B2B คุณอาจวัดผลด้วย KPI เช่น
-
จำนวน Lead ที่ได้ในแต่ละเดือน
-
Conversion Rate (อัตราการเปลี่ยน Lead เป็นลูกค้า)
-
ค่าเฉลี่ย Cost per Lead (CPL)
-
ตัวอย่างเช่น หากคุณพบว่า Conversion Rate ต่ำ อาจต้องปรับปรุงการนำเสนอหรือพัฒนาเนื้อหาที่ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น
-
การวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเครื่องมือ: Google Analytics และแพลตฟอร์ม CRM ส่วนใหญ่มีฟีเจอร์สำหรับติดตามพฤติกรรมลูกค้าบนเว็บไซต์หรือในแคมเปญการตลาด ตัวอย่างเช่น หากคุณเห็นว่าผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ส่วนใหญ่จากอีเมลแคมเปญใช้เวลาอ่านเนื้อหาน้อย แสดงว่าเนื้อหายังไม่น่าสนใจพอ
-
การทดสอบ A/B Testing: A/B Testing ช่วยให้คุณทดลององค์ประกอบต่าง ๆ ของแคมเปญ เช่น การส่งอีเมลที่ใช้หัวข้อหรือดีไซน์ต่างกัน เพื่อดูว่ารูปแบบใดให้ผลลัพธ์ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น ในแคมเปญหนึ่ง คุณอาจทดสอบข้อความอีเมลสองแบบเพื่อดูว่าแบบใดดึงดูดให้ลูกค้าคลิกลิงก์มากกว่า
การสร้าง Lead Generation ที่มีประสิทธิภาพในตลาด B2B ไม่ใช่เรื่องที่ต้องพึ่งโชค แต่เป็นการผสมผสานระหว่างความเข้าใจกลุ่มเป้าหมาย การใช้เครื่องมือที่เหมาะสม และการวัดผลอย่างรอบคอบ ธุรกิจที่มีกลยุทธ์ Lead Generation ที่ดี จะสามารถสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด B2B และเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน
อ่านบทความเพิ่มเติม : พัฒนาการขายแบบ B2B ให้เติบโต ด้วยระบบ CRM ได้อย่างไร
อ่าน E-Book เพิ่มเติม : ครบทุกมิติของ CRM : ยกระดับธุรกิจด้วยระบบการจัดการลูกค้าที่ครอบคลุมทุกด้าน
No Comments