<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

5 พฤติกรรมผู้บริโภค ในธุรกิจ B2B ที่แตกต่างจากธุรกิจ B2C

Audio Version
5 พฤติกรรมผู้บริโภค ในธุรกิจ B2B ที่แตกต่างจากธุรกิจ B2C
5:20

พฤติกรรมผู้บริโภค ในธุรกิจ B2B (Business-to-Business) มีลักษณะที่แตกต่างจากธุรกิจ B2C (Business-to-Consumer) อย่างมาก ดังนั้น การเข้าใจและรับรู้พฤติกรรมนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถวางแผนและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นได้

การบริโภคในธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C มีความแตกต่างกันอย่างมาก เพราะฉะนั้น พฤติกรรมผู้บริโภคในทั้งสองธุรกิจจึงแตกต่างกันอย่างชัดเจน อย่างที่จะเห็นใน 5 พฤติกรรมผู้บริโภคในธุรกิจ B2B ที่แตกต่างจากธุรกิจ B2C 

 

5 พฤติกรรมผู้บริโภคในธุรกิจ B2B ที่แตกต่างจากธุรกิจ B2C 

  1. การตัดสินใจที่มีความซับซ้อน: ในธุรกิจ B2B การตัดสินใจเกี่ยวกับการซื้อสินค้าหรือบริการมักจะต้องผ่านขั้นตอนหลายขั้นตอน และอาจมีผู้มีส่วนร่วมในการตัดสินใจมากมาย เช่น ทีมจัดซื้อ, ทีมวิศวกร หรือทีมการเงิน ซึ่งทำให้การเข้าถึงและสื่อสารต้องมีความซับซ้อนมากขึ้น
  2. ความต้องการและความคาดหวังในเชิงธุรกิจ: ผู้บริโภคในธุรกิจ B2B มักจะมีความต้องการที่ชัดเจนและเป็นเชิงธุรกิจ ซึ่งส่วนใหญ่เน้นไปที่ประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความคุ้มค่าในการลงทุน ในขณะที่ผู้บริโภคในธุรกิจ B2C มักจะมีการตัดสินใจที่เน้นไปที่ความต้องการส่วนบุคคล และความพึงพอใจส่วนบุคคล
  3. ความยืดหยุ่นและการปรับตัว: ผู้บริโภคในธุรกิจ B2B มักจะคาดหวังให้มีความยืดหยุ่นในการปรับตัวเพื่อตอบสนองต่อความต้องการหรือความต้องการเฉพาะ เนื่องจากธุรกิจมักจะมีข้อกำหนดและความต้องการที่ซับซ้อน
  4. ความน่าเชื่อถือและความสัมพันธ์: การสร้างความเชื่อถือและความสัมพันธ์ระหว่างธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้บริโภคในธุรกิจ B2B ซึ่งอาจต้องการการสนับสนุนหลังการขาย บริการหลังการขาย หรือการปรับปรุงสินค้าหรือบริการ
  5. การตัดสินใจที่มีความรอบคอบ: ผู้บริโภคในธุรกิจ B2B มักจะตัดสินใจโดยพิจารณาข้อมูลที่เป็นระบบ และมักจะต้องการข้อมูลที่มีคุณภาพและเป็นประโยชน์ เพื่อให้สามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ

ในทางกลับกัน ผู้บริโภคในธุรกิจ B2C มักจะมีพฤติกรรมที่เน้นไปที่ความต้องการส่วนบุคคล, การตัดสินใจที่มีอิทธิพลจากการส่งเสริมโฆษณา และการตัดสินใจที่เร็วและง่ายกว่าเนื่องจากส่วนใหญ่เป็นการตัดสินใจที่เกิดขึ้นในขณะเดียวกัน โดยบุคคลคนเดียว

เพื่อให้ธุรกิจ B2B ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เราอาจจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับกลยุทธ์การขาย B2B ในปี 2024 ซึ่งมีความแตกต่างจากกลยุทธ์ในปีก่อนหน้านี้เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในสภาวะธุรกิจและเทคโนโลยี โดยกลยุทธ์ที่ควรใช้ มีดังนี้

New call-to-action

กลยุทธ์การขาย B2B เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค ในปี 2024 

  • การสร้างความเชื่อมั่นและความสัมพันธ์ : ในยุคดิจิทัล การสร้างความสัมพันธ์และความเชื่อมั่นให้กับลูกค้ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้น คุณต้องมุ่งเน้นสร้างความสัมพันธ์ที่ดี และให้บริการหลังการขายที่ดี
  • การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Customer Analytics) : ใช้เทคโนโลยี AI และ Big Data เพื่อวิเคราะห์และเข้าใจความต้องการของลูกค้า และปรับแผนกลยุทธ์ขายให้เข้ากับความต้องการนั้น ๆ
  • การใช้เทคโนโลยีในการสื่อสาร : ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสื่อสารกับลูกค้า และสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำให้กับลูกค้า
  • การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการ : ต้องสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการและปัญหาของลูกค้า โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการพัฒนา
  • การสร้างธุรกิจแบบยั่งยืน (Sustainable Business) : ในสภาวะที่มีปัญหาสิ่งแวดล้อมและต้องการความรับผิดชอบต่อสังคม ธุรกิจที่มีความยั่งยืนจะได้รับความนิยมมากขึ้น ดังนั้น ต้องมุ่งเน้นการสร้างธุรกิจที่มีความยั่งยืน
  • การฝึกอบรมและพัฒนาทีมงาน : การฝึกอบรมและพัฒนาทีมงานให้มีทักษะและความรู้ที่เพียงพอเพื่อรองรับและสนับสนุนลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • การวัดและปรับปรุง : ต้องมีการวัดผลและปรับปรุงกลยุทธ์การขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถปรับตัวตามสภาวะภายนอกและความต้องการของลูกค้าได้
    BEST SALES STRATEGIES, PLANS, & INITIATIVES FOR SUCCESS

การปรับใช้และปรับปรุงกลยุทธ์การขาย B2B เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภคในปี 2024 จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเติบโตและยั่งยืนในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้ โดยการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เป็นเครื่องมือในการชาวยสร้างความสำเร็จในการขายและการบริการลูกค้า

New call-to-action

Ourgreenfish LINE Connect

ติดตามสาระความรู้เกี่ยวกับ
Digital Marketing และเทคโนโลยีได้ที่ Ourgreenfish Connect

 

 

Recent Posts

OGF Podcast