<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

Resilience Marketing Playbook คู่มือเอาตัวรอดในยุคที่ไม่แน่นอน

Audio Version
Resilience Marketing Playbook คู่มือเอาตัวรอดในยุคที่ไม่แน่นอน
8:17

คุณคงคุ้นเคยกับคำว่า "วิกฤต" (Crisis) ที่เคยหมายถึงเหตุการณ์ชั่วคราว แต่ในปัจจุบัน โลกธุรกิจได้เปลี่ยนไปแล้ว เรากำลังอยู่ในยุคที่เรียกว่า “SNAFU” คำสแลงที่ย่อมาจาก "Situation Normal All Fucked Up" หรือแปลว่า "สถานการณ์ปกติ ที่ทุกอย่างเละเทะไปหมด" คีย์เวิร์ดสำคัญที่นักการตลาดต้องถอดรหัส ไม่ใช่คำว่า "เละเทะ" (Fucked Up) แต่คือคำว่า "สถานการณ์ปกติ" (Situation Normal)  

นี่หมายความว่า "ความไม่แน่นอน" (Uncertainty) ได้กลายเป็นสภาวะปกติไปแล้ว แผนการตลาด 5 ปี ที่เคยทำนายอนาคตอย่างสวยงาม ใช้ไม่ได้อีกต่อไป สิ่งที่ธุรกิจต้องการในยุคนี้ไม่ใช่แผนการที่ตายตัว (Fixed Plan) แต่คือ "แผนที่ยืดหยุ่น" (Flexible Map) หรือ "Living Plan" (แผนการตลาดมีชีวิต)    

นี่คือจุดกำเนิดของ Resilience Marketing หรือ "การตลาดเชิงภูมิต้านทาน"  

Resilience Marketing คือการสร้างภูมิคุ้มกันเชิงรุกให้องค์กร ไม่ใช่แค่ Crisis Management แบบตั้งรับ แต่คือการ "สร้างภูมิคุ้มกัน" (Proactive) เพื่อให้องค์กรสามารถดูดซับแรงกระแทก รักษาสถานะการดำเนินงาน และปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ธุรกิจที่ทำ Resilience Marketing ไม่ได้แค่รอด แต่พวกเขาจะรุ่ง ฟื้นตัวจากวิกฤตได้เร็วกว่า และเติบโตในระดับที่สูงกว่าช่วงก่อนเกิดวิกฤตอีกด้วยซ้ำ

shutterstock_24540949158 คุณสมบัติของนักการตลาดยุคใหม่ (The Resilient Marketer)

Playbook ที่ดีย่อมไร้ความหมาย หากปราศจาก "คน" ที่พร้อมใช้งาน ในโลกยุค SNAFU นักการตลาดยุคใหม่ต้องมีคุณสมบัติ 8 ประการนี้   

  1. Be Agile (คล่องตัว): ไม่ใช่แค่ทำงานเร็ว แต่คือ "ปรับตัวได้" (Adaptability) พร้อมเปลี่ยนกลยุทธ์ตามข้อมูล Real-time ไม่ใช่ยึดติดกับแผนเดิม   
  2. Be Resilience (ยืดหยุ่น/ล้มแล้วลุกได้): มีทัศนคติแบบ "Growth Mindset"  มองความล้มเหลวคือการเรียนรู้ และฟื้นตัวจากความผิดพลาดได้เร็ว    
  3. Be Inform (รู้ลึก/ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล): ในสถานการณ์โลกที่ไม่แน่นอน สัญชาตญาณอาจไม่เพียงพออีกต่อไป ดังนั้น ต้องใช้ "ข้อมูล" (Data) ในการตัดสินใจ   
  4. Be Meaningful (มีความหมาย/ขับเคลื่อนด้วย Purpose): ผู้บริโภคไม่ได้มองหาแค่ของถูก แต่มองหา "ที่ยึดเหนี่ยวทางอารมณ์" (Emotional anchoring)  แบรนด์ที่มี Purpose ชัดเจนจะสร้าง "ความไว้วางใจ" (Trust) ได้   
  5. Be Distinctive (มีเอกลักษณ์/ชัดเจน): ในขณะที่ Tactic ต้องปรับเปลี่ยน แต่ "ตัวตนของแบรนด์" (Brand Asset) เช่น โลโก้, สโลแกน, สี ต้องคงที่และชัดเจน เพื่อเป็นหลักให้ลูกค้าจดจำ    
  6. Be Human (เข้าถึงใจ/มีความเห็นอกเห็นใจ): สร้างสมดุลระหว่าง "Be Inform" (ข้อมูล) และ "Be Human" (อารมณ์) ใช้ Data เพื่อเข้าใจว่าลูกค้า ทำอะไร (What) และใช้ Empathy (ความเห็นอกเห็นใจ) เพื่อเข้าใจว่า ทำไม (Why)   
  7. Be Authentic (จริงใจ/โปร่งใส):ในยุคที่ AI สร้างคอนเทนต์ได้ การสร้างความไว้วางใจจากผู้บริโภคจึงกลายเป็นสิ่งที่มีค่า ความจริงใจและความโปร่งใสคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้แบรนด์ของคุณมีความหมายและโดดเด่น
  8. Be Focus & Opportunistic (ชัดเจนในเป้าหมายและฉวยโอกาสเป็น): มุ่งเน้นที่เป้าหมายระยะยาวของแบรนด์ พร้อม "ฉวยโอกาส" จากวิกฤตนั้นเพื่อสร้างการเติบโตใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์

Download E-bookวิธีสร้าง Playbook ให้แบรนด์พร้อมรับวิกฤต

Resilience Marketing Playbook คือ A Living Document ที่ต้องถูกทบทวนและอัปเดตเสมอ โดยมี 3 ขั้นตอนหลักในการสร้าง

  1. Pre-Crisis (การเตรียมพร้อม) 

นี่คือขั้นตอนที่สำคัญที่สุด คือการสร้างภูมิคุ้มกัน (Prevention & Preparation)

  • ประเมินความเสี่ยงและวางแผนจำลองสถานการณ์ (Scenario Planning):  อย่ารอให้เกิดเหตุแล้วค่อยคิด ลองตั้งโจทย์ว่า "ถ้า...จะทำอย่างไร" (เช่น ถ้าข้อมูลลูกค้ารั่วไหล? ถ้า Supply Chain ล่ม? ถ้ามีข่าวปลอมโจมตีแบรนด์?)   
  • สร้างทีมและเครื่องมือ: แต่งตั้ง "ทีมตอบสนองวิกฤต" (Crisis Team) และ "สร้างเทมเพลตการสื่อสาร" (Create Templates) เช่น ร่างแถลงการณ์ขอโทษ เตรียมไว้ล่วงหน้า   
  1. Crisis (การรับมือ) 

เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ความเร็วและการควบคุมเป็นสิ่งสำคัญที่สุด การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเป็นหัวใจหลัก โดยมีองค์ประกอบสำคัญ 4 ประการดังนี้

  • Facts (ข้อเท็จจริง): สื่อสารเฉพาะข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้ ห้ามคาดเดา
  • Accountability (ความรับผิดชอบ): แสดงความรับผิดชอบต่อลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ ถึงแม้ต้นเหตุนั้นจะไม่ได้เกิดจากแบรนด์โดยตรง
  • Consistency (ความสม่ำเสมอ): ต้องสื่อสาร "เป็นเสียงเดียวกัน" (Uniform messaging) ในทุกช่องทาง
  • Empathy (ความเห็นอกเห็นใจ): แสดงให้เห็นว่าแบรนด์เข้าใจและใส่ใจผลกระทบที่เกิดขึ้น
  1. Post-Crisis & Adaptation (การฟื้นฟูและการเรียนรู้)

วิกฤตไม่ได้จบเมื่อข่าวเงียบ แต่จบเมื่อองค์กร "เรียนรู้" จากมัน ทีมต้องกลับมาวิเคราะห์ว่าอะไรทำได้ดี อะไรทำได้แย่ (Analyze performance) และนำบทเรียนนั้นไปอัปเดต Playbook (Update plans) เพื่อให้พร้อมสำหรับวิกฤตครั้งต่อไป


เช็คลิสต์ที่ควรมีในแผนการตลาดปี 2026

เมื่อมี Playbook ที่ยืดหยุ่นแล้ว แผนการตลาดปี 2026 ควรต้องปรับตัวให้เข้ากับเทรนด์สำคัญเหล่านี้    

  • เปลี่ยนจาก Control สู่ Co-creation: เปลี่ยนจากการ "ควบคุม" เนื้อหา ไปสู่การ "สร้างสรรค์ร่วม" (Co-create) กับ Creator และลูกค้า โดยให้ Creator เป็น "ช่องทางหลัก" (Core Channel) ไม่ใช่แค่ทางเลือกเสริมอีกต่อไป
  • รับมือ Shrinking Middle Market: ความเหลื่อมล้ำทำให้ตลาดกลางหายไป แบรนด์ต้อง "เลือกข้าง" ให้ชัดว่าจะเจาะตลาด Premium (ขายประสบการณ์) หรือ ตลาด Budget (ขายความคุ้มค่า)    
  • บูรณาการ AI อย่างมีกลยุทธ์: ในการจัดการกับ "Shadow AI" องค์กรไม่ควรสั่งห้าม แต่ควรมุ่งเน้นไปที่การสร้าง "ระบบ AI กลางขององค์กร" (Corporate AI) เพื่อควบคุมดูแลและส่งเสริมการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ 
  • วัดผลแบบ Full-Funnel: เลิกยึดติดกับการวัดผลแบบ "Isolated Channel ROAS" (วัดผลแยกช่องทาง)  แต่ให้มองภาพรวมแบบ "Full-Funnel Portfolio" เพื่อทำความเข้าใจผลกระทบทางการตลาดทั้งหมดได้อย่างถ่องแท้   
  • สร้าง Micro-Community: ในโลกที่ทุกอย่างเป็นดิจิทัล การเชื่อมต่อกันใน Real-world connection เช่น Coffee Running หรือ Book Club จะกลายเป็นประสบการณ์ที่มีค่าและสร้างความภักดีได้จริง   

ในโลกยุค SNAFU ที่เต็มไปด้วยความเปลี่ยนแปลงและความไม่แน่นอน  ธุรกิจและนักการตลาดไม่สามารถ "ควบคุม" ทุกปัจจัยภายนอกได้อีกต่อไป นักการตลาดแบบดั้งเดิมที่ยึดติดกับ "แผนการตลาดที่ตายตัว" (Fixed Plan) และไม่ยอมปรับเปลี่ยน มักจะล้มเหลวเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิด แต่นักการตลาดแบบยืดหยุ่น (Resilient Marketer) จะเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ

อ้างอิง : Everydaymarketing. (2025). 8 Digital Marketing Trends 2026: Opening a new era from Control to Co-creation. Retrieved from https://everydaymarketing.co/marketing-trends/8-digital-marketing-trends-2026-opening-a-new-era-from-control-to-co-creation/

อ่านบทความเพิ่มเติม : Digital Disruption คืออะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับการทำธุรกิจ

Contact Sales Add line

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com

 

LINE Connect

OGF Podcast