ลองจินตนาการว่าคุณกำลังนั่งตรงข้ามกับนักลงทุน มือเหงื่อซึมเล็กน้อย แต่มั่นใจ เพราะคุณเตรียมตัวมาอย่างดี สไลด์ Pitch Deck ของคุณดูดี มีทั้งภาพสวย ตัวเลขเติบโต และเนื้อหาครบถ้วน แต่หลังจากคุณเปิดไปแค่สไลด์ที่สาม นักลงทุนก็ถามว่า “ขอโทษนะครับ… แล้วบริษัทของคุณทำอะไรกันแน่?”
ถ้าคุณเคยเจอสถานการณ์แบบนี้ คุณไม่ได้เจอคนเดียว เพราะนี่คือเหตุการณ์สุดคลาสสิกที่เกิดขึ้นบ่อยจนน่าตกใจ
เข้าใจพื้นฐาน จุดประสงค์ของ Pitch Deck ไม่ใช่ “เล่าเรื่อง” แต่ต้อง “ชัดเจน”
Jesse Heikkilä นักลงทุนจาก Failup Ventures ผู้เคยเห็น Pitch Deck มานับพัน บอกว่า ความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุด คือ ไม่สามารถสื่อให้เข้าใจได้ว่าบริษัททำอะไร โดยเฉพาะในสามสไลด์แรก ซึ่งควรตอบคำถามสำคัญสามข้อ
- ปัญหาคืออะไร?
- คุณแก้ปัญหานั้นอย่างไร?
- ทำไมต้อง “ตอนนี้”?
คุณอาจมีไอเดียดีเยี่ยม แต่ถ้าสื่อสารสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ โอกาสที่นักลงทุนจะสนใจก็ลดลงทันที
>>> กำหนดทุกจุดที่ทำให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น ด้วย NEURO-MARKETING
ความผิดพลาดที่พบบ่อยใน Pitch Deck (และวิธีแก้)
- เป้าหมายที่ซับซ้อนเกินไป (TAM/SAM/SOM)
นักลงทุนไม่ต้องการเห็นกราฟทรงกลมที่เต็มไปด้วยตัวย่อเข้าใจยาก แต่ต้องการเห็นว่า
- มีลูกค้ากลุ่มไหนที่ “พร้อมซื้อ” สินค้าของคุณแล้ว?
- คุณตั้งราคาอย่างไร?
- ตลาดที่คุณเข้าถึงได้จริงในระยะสั้นมีมูลค่าเท่าไร?
เช่น
ลูกค้าเป้าหมาย : 20,000 ธุรกิจเล็ก
ราคาต่อปี : 1,000 บาท
SOM (ตลาดที่คุณเข้าถึงได้) : 20 ล้านบาท
ใช้วิธีคิดแบบตรงไปตรงมา แบบเดียวกับที่ Airbnb เคยทำ
TAM : 2 พันล้านทริปทั่วโลก
SAM : 560 ล้านทริปจากกลุ่มนักเดินทาง
SOM : 84 ล้านทริปที่ Airbnb เข้าถึงได้จริง
- ไม่อธิบายสินค้าให้เข้าใจง่าย
Slide แรกของคุณควรมีข้อความเพียงประโยคเดียวที่อธิบายว่า “เราทำอะไร” แบบเข้าใจง่าย เช่น “จองห้องกับคนท้องถิ่น แทนการเข้าพักโรงแรม” — Airbnb ถ้าคนที่ไม่ใช่สายเทคนิคอ่าน Slide แรกของคุณแล้วอธิบายสิ่งที่คุณทำไม่ได้ แสดงว่าคุณต้องกลับไปเขียนใหม่
- เน้น “เล่าเรื่อง” มากเกินจนขาดเนื้อหา
การเล่าเรื่อง (Storytelling) ไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่ไม่ควรกลบเนื้อหาสำคัญ Heikkilä บอกว่า “เล่าเรื่องเป็นเรื่องรอง สิ่งสำคัญคือต้องอธิบายให้เข้าใจว่า แก้ปัญหาอะไร และทำได้อย่างไร” Pitch Deck ควรเหมือน Investment Memo ที่มีโครงสร้างชัดเจน
- ปัญหา
- วิธีแก้
- ตลาด
- โมเดลรายได้
- ความคืบหน้า
- ทีม
- ตัวเลขการเงิน
สิ่งที่นักลงทุนมองหาใน Pitch Deck จริงๆ
- ทีมที่เหมาะสม
คนที่เข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า เช่น “ถ้าเป็น HealthTech เราจะสนใจทีมที่เคยเป็นหมอหรือทำงานสายสุขภาพมาก่อน” โชว์ให้เห็นว่า “คุณคือคนที่ใช่” เช่น
- เคยแก้ปัญหานี้มาก่อน
- มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม
- มีผลงานการสร้างธุรกิจในอดีต
- มี Traction มากกว่าแค่ Vision
ต่อให้นำเสนอไม่เก่ง แต่ถ้ามี ตัวเลข ที่พิสูจน์ว่า “ลูกค้าชอบ” นักลงทุนจะสนใจทันที เช่น
- รายได้ประจำ (MRR) 50,000 บาท เติบโต 15% ต่อเดือน
- ลูกค้าใช้งาน 10,000 ราย
- อัตราการกลับมาใช้ 30%
- มีลูกค้าจ่ายเงินหรือพรีออเดอร์จริง
หากยังไม่มี Traction ให้แสดง “หลักฐานความต้องการของลูกค้า” เช่น รายชื่อรอลงทะเบียน หรือผลโฆษณาทดลอง
- เรียบง่าย และเข้าใจใน 10 วินาที
สไลด์แต่ละหน้าควรมี “ประเด็นเดียว” ใช้ข้อความน้อย และมีภาพแทนคำพูด เช่น
- กราฟการเติบโต
- แผนภูมิกลุ่มลูกค้า
- Roadmap แบบ Timeline
อย่าลืมว่า นักลงทุนดู Pitch Deck นับร้อยในแต่ละเดือน ถ้าเข้าใจไม่ได้ใน 10 วินาที ก็อาจถูกปิดไปทันที
เทคนิคพัฒนา Pitch Deck ให้ปัง
- ทดสอบด้วย “Parent Test”
เปิด Slide แรกให้คนที่ไม่อยู่ในอุตสาหกรรมของคุณดู แล้วให้เขาอธิบายว่า “คุณทำอะไร” ถ้าเขาพูดผิด คุณต้องแก้ใหม่
- ใช้ Data Visualizations แทนข้อความ
แสดงตัวเลขสำคัญผ่านภาพ เช่น
- กราฟแสดงผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น
- แผนภูมิกลุ่มเป้าหมาย
- แผนระยะเวลาแบบเส้น
- ใส่ใจ “สามสไลด์แรก”
หากคุณจะแก้เพียงจุดเดียว ให้เริ่มจากสามสไลด์แรก เพราะนักลงทุนจะตัดสินใจว่าจะดูต่อหรือไม่จากตรงนี้
- ปัญหา : ให้เขารู้ทันทีว่าปัญหานั้น “ร้ายแรงและน่าแก้”
- ทางแก้ : ให้เขาเชื่อว่าคุณมีทางออกที่ใช่
- ตลาด : ให้เขาเห็นว่านี่ไม่ใช่แค่ไอเดียเล็กๆ แต่เป็นโอกาสใหญ่
ทำไม Pitch Deck ส่วนใหญ่จึงล้มเหลว?
ไม่ใช่เพราะไอเดียไม่ดี ไม่ใช่เพราะนักลงทุนใจร้าย แต่เพราะไม่สามารถอธิบายไอเดียดีๆ เหล่านั้นให้ “เข้าใจง่าย” ได้อย่างรวดเร็ว
อ้างอิง : HubSpot. (2025). Why Most Pitch Decks Fail — and How to Make Yours Stand Out. Retrieved from https://www.hubspot.com/startups/fundraising/why-most-pitch-decks-fail
อ่านบทความเพิ่มเติม :
สร้างกลยุทธ์การขายของคุณอย่างไร ให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น
ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com
No Comments