<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

3 ตัวเลขที่บอกชัดว่า ทำไม AI Prospecting ถึงคุ้มกว่าที่คิด

Audio Version
3 ตัวเลขที่บอกชัดว่า ทำไม AI Prospecting ถึงคุ้มกว่าที่คิด
7:51
ในการทำธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง การค้นหาลูกค้ารายใหม่ (prospecting) มักเป็นงานที่ทั้งใช้เวลามากและเต็มไปด้วยความท้าทาย เราทุกคนอยากเพิ่มยอดขาย แต่การเขียนอีเมลแบบเจาะจงถึงกลุ่มเป้าหมายแต่ละรายและการค้นคว้าข้อมูลธุรกิจของลูกค้าแต่ละเจ้าก็กินเวลาหลายชั่วโมงในแต่ละวัน AI Prospecting (การหาลูกค้าโดยใช้ AI) คือแนวทางใหม่ที่นำปัญญาประดิษฐ์มาช่วยทำงานเหล่านี้โดยอัตโนมัติ หลายคนอาจสงสัยว่าเทคโนโลยีนี้คุ้มค่าจริงหรือไม่ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคุ้มค่าเกินความคาดหมาย เราจะพาไปดู 3 ตัวเลขสำคัญ ที่ยืนยันว่า AI Prospecting ให้ผลลัพธ์เกินคุ้มค่ากว่าที่คิดไว้
  1. อัตราการตอบกลับสูงขึ้น 2 เท่า จากการใช้ AI Prospecting

หนึ่งในตัวเลขที่โดดเด่นที่สุดคือ อัตราการตอบกลับ (reply rate) ที่สูงขึ้นถึง 2 เท่า เมื่อเทียบกับการทำงานแบบดั้งเดิม การเพิ่มขึ้นสองเท่านี้หมายความว่าอีเมลหรือข้อความติดต่อที่ส่งออกไปได้รับการตอบรับจากลูกค้ามากกว่าเดิมถึง 100% การที่ผู้มุ่งหวังตอบอีเมลเพิ่มขึ้นขนาดนี้สามารถเปลี่ยนแปลงเกมการขายได้อย่างมาก เพราะหมายถึงโอกาสในการสนทนาและปิดการขายที่มากขึ้นเท่าตัว 

สาเหตุที่ AI Prospecting ช่วยเพิ่มอัตราการตอบกลับได้มากก็เพราะ AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาลเพื่อเลือกเวลาที่เหมาะสม และวิธีการเข้าหาที่ตรงใจลูกค้าแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ ระบบ AI จะเฝ้าติดตาม “สัญญาณ” ต่าง ๆ ของลูกค้า เช่น การคลิกเปิดอีเมล เว็บไซต์ที่เข้าชม หรือข่าวความเคลื่อนไหวของธุรกิจนั้น ๆ เพื่อหาโอกาสทองในการเข้าถึงลูกค้า 

เมื่อส่งสารในจังหวะที่ลูกค้าสนใจหรือพร้อมรับฟัง ย่อมมีแนวโน้มที่จะได้การตอบกลับมากขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ คุณภาพของข้อความที่ส่งออกก็สูงขึ้นด้วย เพราะ AI สามารถปรับแต่งเนื้อหาให้ตรงกับบริบทและความต้องการของลูกค้าแต่ละราย ผู้บริหารฝ่ายขายบางรายถึงกับเผยว่าอีเมลที่ AI เขียนให้มีคุณภาพและอัตราการมีส่วนร่วมสูงกว่าอีเมลที่เขียนโดยพนักงานขายบางคนเสียอีก ซึ่งตอกย้ำว่า AI Prospecting ช่วยยกระดับทั้งปริมาณและคุณภาพของการเข้าหาลูกค้าไปพร้อมกัน

Download E-Book  Customer Behavior in B2B Business

  1. ลดเวลาในการทำ research และเขียนอีเมล outreach ได้ถึง 95%

หนึ่งในงานที่กินเวลามากที่สุดของการขายคือการหาข้อมูลลูกค้า (research) และการเขียนอีเมลติดต่อแบบเฉพาะบุคคล การใช้ AI Prospecting สามารถลดเวลาที่ต้องใช้กับงานเหล่านี้ได้มากถึง 95% ซึ่งเกือบจะเทียบเท่ากับการตัดงานซ้ำซ้อนออกไปเกือบทั้งหมด! 

ลองจินตนาการว่าถ้าทีมขายของคุณเคยใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการค้นคว้าข้อมูลและเขียนอีเมล ในตอนนี้พวกเขาอาจใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น จากที่เคยต้องนั่งไล่อ่านเว็บไซต์ข่าวสารของลูกค้า เช็คโปรไฟล์ LinkedIn และร่างอีเมลใหม่ทุกฉบับ กลับถูกแทนที่ด้วยระบบ AI ที่ทำสิ่งเหล่านั้นให้อัตโนมัติ ผู้จัดการฝ่ายลูกค้ารายหนึ่งเล่าว่างานเขียนอีเมลที่เคยต้องใช้เวลาถึง 4-5 ชั่วโมง ตอนนี้เหลือเพียงหลักนาทีเท่านั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อใช้ AI ไปสักพัก ทีมขายจะมีความมั่นใจในเครื่องมือมากขึ้น จนสามารถปล่อยให้ระบบจัดการงานมาตรฐานต่าง ๆ แทนคนได้อย่างสบายใจ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ 81% ของหัวหน้าทีมขายเชื่อว่า AI จะช่วยลดงานที่ต้องทำด้วยมือ (manual) ลงได้ เพราะเมื่อระบบอัตโนมัติสามารถจัดการงานยิบย่อยเกือบทั้งหมดแทนมนุษย์ พนักงานขายก็สามารถโฟกัสไปที่งานที่ใช้ทักษะสูงกว่า เช่น การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าและการปิดการขาย ซึ่งเป็นงานที่ AI ยังทดแทนมนุษย์ไม่ได้อย่างสมบูรณ์

shutterstock_2515850309

  1. เพิ่มจำนวน lead ที่ engage ได้มากขึ้นถึง 3.5 เท่า

อีกหนึ่งตัวเลขที่บ่งบอกถึงความคุ้มค่าของ AI Prospecting คือ จำนวนลูกค้าเป้าหมาย (leads) ที่ทีมขายสามารถสร้างการมีส่วนร่วมได้เพิ่มขึ้นถึง 3.5 เท่า เมื่อใช้งานระบบนี้ พูดง่าย ๆ คือด้วยทรัพยากรทีมขายเท่าเดิม คุณสามารถเข้าถึงและติดตามดูแล lead ได้มากกว่าเดิมเกือบสี่เท่าตัว การมี lead ที่ engage กับธุรกิจมากขึ้นหมายถึงการเพิ่มโอกาสในการขาย ต่างจากก่อนหน้านี้ การจะเพิ่มการเข้าถึง lead ในระดับนี้ได้มักต้องแลกมาด้วยการจ้างพนักงานเพิ่มหรือเพิ่มงบประมาณการตลาด

ระบบ AI สามารถทำงานตลอด 24 ชั่วโมงได้ทุกวัน ในการเฝ้าตรวจสอบความเคลื่อนไหวของลูกค้าและส่งข้อความออกไปอย่างต่อเนื่อง จึงไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหวของ Lead ที่เข้ามา ยิ่งไปกว่านั้น AI ยังช่วยปรับแต่งการสื่อสารให้เหมาะกับ lead แต่ละรายแบบเป็นส่วนตัว สิ่งที่ได้คือทีมขายสามารถดูแล lead จำนวนมากได้พร้อม ๆ กัน โดยที่ลูกค้าแต่ละรายยังรู้สึกว่าได้รับการดูแลเอาใจใส่เฉพาะตัว เมื่อเทียบกับวิธีการเดิมที่พนักงานคนหนึ่งอาจจะติดตาม lead ได้จำนวนจำกัด 

การมี AI มาช่วยก็เหมือนเพิ่มขนาดทีมขายขึ้นหลายเท่าตัว ผู้ประกอบการรายหนึ่งที่นำ AI Prospecting มาใช้จริงกล่าวว่า สิ่งนี้คือ “โอกาสในการเติบโตและขยายธุรกิจอย่างแท้จริง” ที่เขาตามหามาตลอด 20 ปี เพราะระบบ AI เปิดโอกาสให้ธุรกิจสามารถขยายฐานลูกค้าและสร้างยอดขายได้มากขึ้น โดยไม่ต้องเพิ่มการลงทุนด้านทรัพยากรบุคคล

การที่ทีมขายสามารถเข้าถึงและดูแล lead ได้มากขึ้น 3.5 เท่า ในขณะที่ลูกค้าเองก็ได้รับประสบการณ์แบบเฉพาะตัวไปพร้อมกันนั้น ถือเป็นการขยายขีดความสามารถในการขาย (sales capacity) ที่ไม่เคยมีมาก่อนสำหรับหลาย ๆ ธุรกิจ กล่าวได้ว่า AI Prospecting ช่วยปลดล็อกการเติบโต เพิ่มยอดขายและขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น ด้วยทีมงานจำนวนเท่าเดิม แต่มี AI อัจฉริยะเป็นเครื่องมือเสริมศักยภาพ

ทั้ง 3 ตัวเลข พิสูจน์แล้วว่า AI Prospecting ช่วยธุรกิจประหยัดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการขาย และสร้างผลลัพธ์ที่วัดผลได้จริง สำหรับเจ้าของธุรกิจที่ต้องการขยายยอดขายและนำหน้าคู่แข่ง AI Prospecting คือเครื่องมือที่คุ้มค่าแก่การลงทุน ช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น เร็วขึ้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยทรัพยากรเท่าเดิม ซึ่งเป็นโอกาสที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

อ้างอิง :

อ่านบทความเพิ่มเติม : ก่อนใช้ AI ต้องพร้อม! คู่มือเตรียมระบบข้อมูลสำหรับองค์กรยุคใหม่

Contact Sales Add line

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com

 

LINE Connect

OGF Podcast