<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

5 บทเรียน Process Improvement ที่นำไปปรับใช้ในปี 2026 ได้

Audio Version
5 บทเรียน Process Improvement ที่นำไปปรับใช้ในปี 2026 ได้
7:49

ปี 2026 ธุรกิจไทยกำลังเผชิญความท้าทายใหม่ ต้นทุนสูงขึ้น แข่งขันรุนแรงขึ้น และลูกค้าคาดหวังความเร็ว และความแม่นยำมากกว่าที่เคย ทำให้ Process Improvement ไม่ใช่แค่การปรับปรุงหลังบ้าน แต่คือ “กลยุทธ์ธุรกิจ” ที่กำหนดความสามารถในการเติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กร

Success Blueprints ได้ทำการรวบรวมกรณีศึกษาขององค์กรชั้นนำระดับโลก และพบว่าหลักการสำคัญที่มีร่วมกันอย่างชัดเจน ได้แก่ การผสานรวมกันของข้อมูล (Data), มาตรฐานการทำงาน (Work Standards), การลดความสูญเสีย (Loss Reduction) และการวัดผลแบบเรียลไทม์ (Real-time Measurement) ซึ่งเป็นรากฐานที่ธุรกิจทุกขนาดสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้

5 บทเรียนสำคัญที่สามารถปรับใช้ได้จริงในบริบทธุรกิจไทยปี 2026

1) GE – DMAIC ช่วยลดความผิดพลาด 35% และใช้กับงานขาย–บริการได้เช่นกัน

GE ใช้โมเดล DMAIC เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตจนลดข้อผิดพลาดได้ถึง 35% ซึ่งเกิดจากการทำงานเป็นระบบ ตั้งแต่ Define → Measure → Analyze → Improve → Control

แม้ DMAIC จะเริ่มต้นในงานผลิต แต่หลักคิดสามารถนำมาประยุกต์กับ งานขาย–บริการ ได้ เช่น

  • Define: ระบุข้อจำกัดหรือปัญหาที่เป็นอุปสรรค เช่น ลูกค้ารอการตอบกลับนาน
  • Measure: เก็บข้อมูล Response Time, งานซ้ำ, Ticket Volume
  • Analyze: หา Root Cause เช่น ขั้นตอนตรวจข้อมูลหลายรอบ
  • Improve: ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น และสร้าง Workflow อัตโนมัติ
  • Control: ใช้ Dashboard ควบคุมคุณภาพงานบริการแบบเรียลไทม์

ผลลัพธ์แบบเดียวกับ GE คือ “ความผิดพลาดลดลงเพราะทุกอย่างมีมาตรฐานและข้อมูลรองรับ” ลดงานซ้ำ 20–40% และเพิ่มความเร็วตอบลูกค้าแบบเห็นได้ชัดshutterstock_2275282267

2) Toyota – Kaizen + Standard Work : เครื่องมือที่ช่วยสร้างทีมที่มีประสิทธิภาพและทำงานได้อย่างเป็นระบบ

องค์กรที่ประสบความสำเร็จด้าน Process Improvement ส่วนใหญ่ยึดหลัก Kaizen (ปรับปรุงเล็ก ๆ น้อย ๆอย่างสม่ำเสมอ) ควบคู่กับ Standard Work (วิธีทำงานที่เป็นมาตรฐาน)

สิ่งที่ Toyota ทำแล้วได้ผลคือ สร้างมาตรฐานการทำงานที่เป็นหนึ่งเดียว ทำให้การดำเนินงานเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ และช่วยให้การฝึกอบรมพนักงานใหม่รวดเร็วขึ้น

วิธีที่องค์กรไทยนำไปใช้ได้ในปี 2026

การพัฒนาระบบและกระบวนการทำงาน

  • จัดทำ Sales & Service Playbook : กำหนดขั้นตอนการทำงานที่เป็นมาตรฐานสำหรับทีมขายและบริการทั้งหมด
  • กำหนด Standard Work : วางมาตรฐานการปฏิบัติงานสำหรับกระบวนการสำคัญ เช่น การรับเคส และการปิดงานบริการ
  • ดำเนินการ Kaizen อย่างต่อเนื่อง : จัดทำ Kaizen รายสัปดาห์/รายเดือน เพื่อลดความสูญเปล่า (Waste) ในแต่ละจุดอย่างต่อเนื่อง
ผลลัพธ์คือองค์กรมีระบบการทำงานที่เสถียรขึ้น และลดความผิดพลาดจากความไม่สม่ำเสมอของการทำงานระหว่างคนในทีมได้อย่างมาก

3) Ritz-Carlton – Service Blueprint : มองเห็น CX Journey แบบครบระบบ

Service Blueprint เป็นหนึ่งในเครื่องมือ Process Improvement ที่มีประสิทธิภาพสูง เพราะช่วยให้องค์กรมองเห็นตั้งแต่กระบวนการ Frontstage (ที่ลูกค้าเห็น) จนถึง Backstage (ระบบหลังบ้าน)

จุดเด่นของ Blueprint คือ

  • วิเคราะห์และระบุจุด Bottlenecks ในแต่ละกระบวนการ เพื่อให้เห็นอุปสรรคและจุดที่ต้องปรับปรุง
  • สร้างความเข้าใจในความเชื่อมโยงงานระหว่างทีม ให้แต่ละฝ่ายเห็นภาพรวมและบทบาทของตนเอง
  • กำหนดจุดที่เหมาะสมสำหรับการนำ Automation มาใช้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความแม่นยำในการทำงาน

New call-to-action

วิธีประยุกต์ในธุรกิจไทย

  • วาด CX Journey ครบทั้ง Pre-sale → Sale → Post-sale
  • ระบุจุดที่ลูกค้ารอ เช่น ตรวจข้อมูล, ส่งงานระหว่างแผนก
  • นำไปตั้ง Response SLA, Auto-ticket, Auto-routing ใน CRM

เหมาะกับองค์กรที่ต้องการยกระดับ CX ด้วยการแก้ปัญหาเชิงระบบ ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

4) Motorola – Six Sigma : วิธีวัดคุณภาพงานด้วยตัวเลขที่ปรับปรุงได้จริง

ต้นกำเนิด Six Sigma มาจาก Motorola จุดแข็งของแนวคิดนี้คือ การลดความผิดพลาดแบบยั่งยืนเกิดขึ้นได้จากตัวชี้วัดคุณภาพ เช่น Error Rate, Lead Time และ Cycle Time

ตัวอย่าง KPI ที่องค์กรควรเริ่มวัดแบบ Six Sigma

  • อัตราความผิดพลาดในงานบริการ (Error Rate): ใบงานไม่ถูกต้อง, ข้อมูลตกหล่น ไม่ครบถ้วน
  • ระยะเวลานำในงานขาย (Lead Time): นับตั้งแต่ลูกค้าแจ้งความต้องการจนถึงการส่งใบเสนอราคาให้ลูกค้า
  • ระยะเวลาดำเนินการของกระบวนการหลัก (Cycle Time): ระยะเวลาที่ใช้ในการปิดเคสหรือดำเนินการ 1 เคสให้เสร็จสมบูรณ์

เมื่อองค์กรเก็บข้อมูลตัวเลขเหล่านี้อย่างสม่ำเสมอ จะสามารถมองเห็น Waste ที่แท้จริง คาดการณ์คุณภาพงาน และปรับปรุงกระบวนการให้เร็ว และแม่นยำขึ้น

Download E-Book  Customer Behavior in B2B Business

5) Enterprise Playbook – วิธีแปลง Best Practice เหล่านี้เป็น Roadmap 90 วัน

Enterprise Playbook เพื่อให้องค์กรสามารถเริ่มทำ Process Improvement ได้ภายใน 90 วัน

Roadmap 90 วัน

Phase 1: Diagnose (วัน 1–30)

  • สำรวจปัญหาปัจจุบัน
  • ระบุ Waste และคอขวด
  • วัด KPI เบื้องต้น (Error Rate, Lead Time, Cycle Time)

Phase 2: Redesign (วัน 31–60)

  • นำ DMAIC, Kaizen, Service Blueprint มาผสานออกแบบกระบวนการใหม่
  • สร้าง Standard Work
  • ปรับ Workflow ให้ง่ายขึ้น ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น

Phase 3: Implement & Control (วัน 61–90)

  • เริ่มนำระบบใหม่ไปใช้
  • ติดตาม KPI แบบรายสัปดาห์
  • ทำ Kaizen ต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงงานแบบไม่หยุดนิ่ง

ผลลัพธ์คือองค์กรสามารถ “ยกระดับคุณภาพงานทั้งระบบ” ได้ภายในไตรมาสเดียว โดยไม่ต้องลงทุนสูง


สำหรับผู้บริหารปี 2026

สิ่งที่องค์กรต้องเร่งดำเนินการคือ การสร้างกระบวนการที่มีการวัดผลและปรับปรุงอย่างต่อเนื่องบนพื้นฐานของข้อมูลจริง เพราะการปรับปรุงกระบวนการ (Process Improvement) ไม่ใช่แค่โครงการที่ทำเป็นครั้งคราว แต่เป็นวงจรการเติบโตที่สำคัญขององค์กรในยุคปัจจุบัน

องค์กรที่นำแนวคิดระดับโลกเหล่านี้มาปรับใช้ จะได้รับความได้เปรียบเหนือคู่แข่งในด้านต่าง ๆ ดังนี้
✔ ลดความผิดพลาด

✔ ลดงานซ้ำ

✔ เพิ่มความเร็ว

✔ เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

✔ องค์กรเติบโตบนระบบที่แข็งแรงกว่าเดิม

ทั้งหมดเริ่มต้นได้จากการมี Process Improvement Blueprint ที่เหมาะกับบริบทขององค์กรคุณ

อ้างอิง : Success Blueprints. (2024). Process Improvement Success Stories by Success Blueprints. Retrieved from https://successblueprints.co/shop/process-improvement-success-stories/

อ่านบทความเพิ่มเติม : เคล็ด(ไม่)ลับที่ทำให้ ธรุกิจประสบความสำเร็จ ได้อย่างง่ายดาย

Contact Sales Add line

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com

 

LINE Connect

OGF Podcast