Agile Market Research อาจมาแทนที่วิธีเดิม เพราะพฤติกรรมผู้บริโภคและกระแสตลาดเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การวิจัยตลาดแบบดั้งเดิมมักตามไม่ทัน ส่งผลให้ข้อมูลที่ได้ล้าสมัยและอาจทำให้ธุรกิจพลาดโอกาสสำคัญ
ปัญหาของการวิจัยตลาดแบบดั้งเดิม
การวิจัยตลาดแบบดั้งเดิม (Traditional Market Research) มีขั้นตอนการทำงานเป็นลำดับขั้นตอนตายตัว กว่าจะได้ผลสำรวจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน ข้อมูลที่ได้จึงมักไม่ทันต่อสถานการณ์ล่าสุด นอกจากนี้องค์กรส่วนใหญ่มักจะทำวิจัยตลาดรูปแบบนี้เพียงไม่กี่ครั้งต่อปี ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการติดตามพฤติกรรมลูกค้า ขอบเขตการสำรวจแต่ละครั้งก็กว้างและใช้แบบสอบถามยาวเหยียด เพื่อพยายามครอบคลุมทุกประเด็นในคราวเดียว ส่งผลให้ทั้งผู้ทำแบบสอบถามและผู้วิจัยเหนื่อยล้าและได้ข้อมูลเชิงลึกที่ไม่ลึกพอ อีกทั้งการวิจัยแบบเดิมยังมีค่าใช้จ่ายสูง ต้องใช้ทรัพยากรและเวลาอย่างมากเมื่อเทียบกับวิธีการใหม่ ๆ ที่มีต้นทุนถูกกว่า
ที่สำคัญที่สุด วิธีการแบบเดิมไม่ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงฉับพลันของตลาด ผลการวิจัยที่ได้อาจกลายเป็นข้อมูลล้าหลังในชั่วข้ามคืนหากมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เช่น ช่วงการระบาดของโควิด-19 ปี 2020 บริษัทที่ทำวิจัยตลาดแบบรายไตรมาสพบว่า ข้อมูลที่เก็บได้ไม่สะท้อนพฤติกรรมผู้บริโภคจริงเมื่อสถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่สื่ออย่าง Evening Standard ในอังกฤษสามารถใช้เครื่องมือ Agile Research ติดตามความเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคแบบวันต่อวัน ทำให้เข้าใจพฤติกรรมช่วงล็อกดาวน์ได้ทันเหตุการณ์ ขณะที่ชุดข้อมูลขนาดใหญ่จากวิธีเดิมไม่มีการอัปเดตทันเวลา me.shสะท้อนพฤติกรรมจริงไม่ได้เลย ปัญหาเหล่านี้ทำให้ธุรกิจเริ่มมองหาวิธีใหม่ที่รวดเร็วและยืดหยุ่นกว่าสำหรับการวิจัยตลาด
Agile Market Research คืออะไร ต่างจากวิธีเดิมอย่างไร?
Agile Market Research คือแนวทางการวิจัยตลาดที่นำหลักการ Agile (ความคล่องตัวและยืดหยุ่น) มาใช้กับการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลผู้บริโภค แทนที่จะทำการวิจัยเป็นโครงการใหญ่ปีละครั้งแบบวิธีดั้งเดิม Agile Research จะแบ่งกระบวนการออกเป็นช่วงสั้น ๆ ทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ทีมวิจัยสามารถออกแบบแบบสอบถามที่เจาะจงประเด็น เช่น 3-5 คำถาม ส่งให้กลุ่มตัวอย่างจำนวนไม่มาก แต่ทำบ่อยครั้งเพื่อให้ได้ความคิดเห็นที่รวดเร็ว แล้วนำผลที่ได้มาปรับปรุงสมมติฐานหรือคำถามในรอบถัดไป การทำงานเชิงวนลูปแบบนี้ช่วยให้ได้ข้อมูลที่สดใหม่ตลอดเวลา และสามารถปรับทิศทางการวิจัยได้ตามข้อมูลที่พบระหว่างทาง ต่างจากวิธีเดิมที่ต้องรอให้จบกระบวนการทั้งหมดก่อนจึงวิเคราะห์แล้วค่อยตัดสินใจแก้ไขทีเดียว
ความแตกต่างอีกประการคือ ความถี่ และ ความรวดเร็ว ในการเก็บข้อมูล Agile Research สามารถทำการสำรวจได้ถี่ขึ้นมาก ไม่จำกัดแค่ปีละครั้งเหมือนเดิม ทำให้ธุรกิจมีข้อมูลอัปเดตต่อเนื่องเพื่อนำมาใช้ตัดสินใจ นอกจากนี้เครื่องมือดิจิทัลสมัยใหม่ทำให้การรวบรวมข้อมูลผู้บริโภคสามารถทำได้แทบจะเรียลไทม์ ด้วยต้นทุนไม่สูง เช่น ปัจจุบันมีแพลตฟอร์มวิจัยแบบ DIY ที่เปิดโอกาสให้ธุรกิจส่งแบบสอบถามสั้น ๆ ถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายได้ทันทีผ่านแอปออนไลน์ ซึ่งใกล้เคียงการจ้างเอเจนซีวิจัย แต่ใช้เวลาและค่าใช้จ่ายน้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิธีเดิม ธุรกิจจึงสามารถเข้าถึงผู้บริโภคโดยตรงและได้รับ feedback ที่นำไปใช้ได้ทันที
แนวทางนี้กำลังได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ถึง 72% ของนักวิจัยการตลาดมีแผนจะนำ Agile Research แบบ DIY มาใช้ในอนาคต ตามรายงาน GRIT ล่าสุดของ Greenbook ซึ่งสะท้อนว่าภาคธุรกิจมองเห็นประโยชน์ของการวิจัยที่รวดเร็วและยืดหยุ่น จนกำลังกลายเป็นมาตรฐานใหม่ของวงการวิจัยตลาด
ทำไมธุรกิจยุคดิจิทัลต้องใช้ Agile Market Research
เพราะความรวดเร็วในการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ คือกุญแจสำคัญที่ทำให้ธุรกิจอยู่รอดและชนะคู่แข่ง พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไปอย่างฉับพลันตามเทรนด์สังคมออนไลน์ กระแสไวรัล หรือสถานการณ์โลกที่พลิกผัน แผนการตลาดที่วางไว้ล่วงหน้าเป็นเดือนอาจใช้ไม่ได้ผลหากไม่ปรับตามข้อมูลใหม่ ๆ ลูกค้าเองก็มีความคาดหวังสูงขึ้น ต้องการการตอบสนองที่รวดเร็วและเป็นส่วนตัวจากแบรนด์ ธุรกิจที่ปรับตัวช้าจะสูญเสียโอกาสให้คู่แข่งที่ว่องไวกว่า
Agile Market Research จึงเข้ามาตอบโจทย์องค์กรยุคใหม่ด้วยการมอบ Real-Time Insight หรือข้อมูลเชิงลึกที่สดใหม่อยู่เสมอ ทีมการตลาดและพัฒนาธุรกิจสามารถพึ่งพาข้อมูลนี้ในการตัดสินใจ ไม่ต้องรอรายงานสิ้นไตรมาสหรือสิ้นปี ยิ่งไปกว่านั้น การทำวิจัยแบบต่อเนื่องช่วยให้เห็นแนวโน้ม (trend) ของพฤติกรรมลูกค้าแบบทันที เมื่อมีสัญญาณการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น ธุรกิจก็จับสังเกตได้ตั้งแต่ช่วงต้นและปรับกลยุทธ์รับมือได้อย่างทันท่วงที
องค์กรที่ใช้ Agile Research จะสามารถตอบสนองความต้องการลูกค้าได้รวดเร็วและแม่นยำขึ้น เช่น หากพบว่าลูกค้าให้ความสนใจกับคุณสมบัติสินค้าใหม่ ๆ หรือมีข้อร้องเรียนเกิดขึ้น ธุรกิจก็สามารถรับรู้และดำเนินการปรับปรุงได้ในเวลาที่ลูกค้ายังรู้สึกประทับใจ การมีข้อมูลเรียลไทม์ยังช่วยให้สามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างตรงจุดและทันเหตุการณ์ HubSpot ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม CRM ชั้นนำได้ชี้ว่า ลูกค้าปัจจุบันคาดหวังการตอบสนองที่รวดเร็วและเนื้อหาที่ตรงใจ ธุรกิจจึงจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่ช่วยให้ส่งมอบประสบการณ์แบบนั้นได้ทันที ตั้งแต่การตอบกลับลูกค้าอย่างรวดเร็วไปจนถึงการสื่อสารทางการตลาดที่ปรับให้ตรงกลุ่มเป้าหมาย Agile Market Research และ Real-Time Insight จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญขององค์กรที่ต้องการความได้เปรียบในตลาดยุคใหม่
ใช้ HubSpot CRM, AI Dashboard และ CDP เพื่อเก็บ Insight แบบเรียลไทม์
การจะทำ Agile Market Research ให้เกิดขึ้นจริง จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือดิจิทัลหลายประเภทในการเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์ โดยสามเครื่องมือสำคัญที่เจ้าของธุรกิจควรรู้จัก ได้แก่
HubSpot CRM – รวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทาง ให้ธุรกิจเห็นภาพรวม 360 องศา พร้อมข้อมูลอัปเดตแบบเรียลไทม์เพื่อการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ ติดตามสถานะดีลได้ตลอดเวลา ทำให้องค์กรตัดสินใจบนพื้นฐานข้อมูลจริง
AI Dashboard – Dashboard วิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI ช่วยยกระดับการวิจัยตลาดแบบเรียลไทม์ โดย AI จะประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก ค้นหาแนวโน้มที่ซ่อนอยู่ และนำเสนอเป็น Insight ที่นำไปใช้ได้จริง เช่น การทำนายแนวโน้มพฤติกรรมลูกค้าล่วงหน้า และแจ้งเตือนความผิดปกติในข้อมูลแบบเรียลไทม์
Customer Data Platform (CDP) – แพลตฟอร์มรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกแหล่ง (ออนไลน์, ออฟไลน์, CRM) เป็นโปรไฟล์เดียว ทำให้ได้ฐานข้อมูลที่ครบถ้วนและอัปเดต พร้อมวิเคราะห์และแบ่งกลุ่มลูกค้าแบบเรียลไทม์ เพื่อส่งแคมเปญการตลาดที่ตรงกลุ่ม โดยเฉพาะสำหรับกลยุทธ์ Omnichannel ในปัจจุบันมีหลายธุรกิจให้ความสำคัญกับ CDP ในการเก็บข้อมูลเชิงลึกและการทำ Agile Research
การประยุกต์ใช้ Agile Market Research ในธุรกิจ
เมื่อมีข้อมูล Real-Time Insight อยู่ในมือ ธุรกิจสามารถนำ Agile Market Research มาปรับใช้กับกลยุทธ์ต่างๆ ได้หลากหลายด้าน เช่น
การปรับราคาแบบทันเหตุการณ์: ข้อมูลเรียลไทม์ช่วยให้ธุรกิจติดตามดูแนวโน้มความต้องการของตลาดและการเคลื่อนไหวของราคาคู่แข่งได้อย่างใกล้ชิด ธุรกิจสามารถทดลองปรับราคาสินค้าหรือบริการอย่างรวดเร็วเพื่อดูผลตอบรับ เช่น ลดราคาในช่วงที่ความต้องการชะลอตัว หรือขึ้นราคาสำหรับสินค้าที่กำลังเป็นกระแส โดยอ้างอิงจากข้อมูลผู้บริโภคและยอดขายจริงที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น การใช้ Agile Research เพื่อเก็บฟีดแบ็กเรื่องราคาจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างรวดเร็ว เช่น แบบสำรวจสั้นทางอีเมลหรือโซเชียล จะช่วยให้ตัดสินใจปรับราคาที่เหมาะสมได้ทันก่อนโอกาสทางการตลาดจะผ่านไป
ปรับการสื่อสารและแคมเปญการตลาด: ในการทำการตลาดยุคใหม่ ความสดใหม่และตรงประเด็น คือหัวใจสำคัญ การใช้ Agile Research ช่วยให้ทีมการตลาดทดสอบแคมเปญหรือข้อความโฆษณากับกลุ่มลูกค้าจริงได้ล่วงหน้าก่อนปล่อยแคมเปญเต็มรูปแบบ เช่น ส่งแบบสอบถามสั้นๆ เพื่อวัดปฏิกิริยาต่อสโลแกนหรือแนวคิดโฆษณาใหม่ จากนั้นนำข้อมูลเชิงลึกที่ได้ไปปรับปรุงงานสร้างสรรค์และข้อความให้ตรงใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น ก่อนทุ่มงบประมาณการตลาดจำนวนมาก หากผลตอบรับไม่ดี ธุรกิจก็สามารถเปลี่ยนแนวทางได้ทันทีโดยยังไม่เสียค่าใช้จ่ายไปกับแคมเปญใหญ่ นอกจากนี้ ระหว่างที่แคมเปญกำลังรันอยู่ ข้อมูลเรียลไทม์จากสื่อโซเชียลหรือการมีส่วนร่วมของลูกค้าจะช่วยให้ทีมงานปรับข้อความหรือคอนเทนต์ระหว่างทางเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญได้ตลอดเวลา
พัฒนาสินค้าใหม่ตามเสียงลูกค้า: Agile Market Research มีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ แทนที่จะสร้างผลิตภัณฑ์โดยอิงจากสมมติฐานภายในองค์กรเพียงอย่างเดียว ธุรกิจสามารถนำแนวคิดผลิตภัณฑ์ต้นแบบหรือฟีเจอร์ใหม่มาทดสอบกับผู้บริโภคจริงเป็นระยะ ๆ ตลอดกระบวนการพัฒนา เช่น ทำโพลล์สั้น ๆ เพื่อสอบถามว่าลูกค้าสนใจสินค้าแบบใดมากกว่า หรือให้กลุ่มทดลองลองใช้รุ่นต้นแบบ (prototype) แล้วเก็บคำติชมทันที วิธีนี้ทำให้ทีมพัฒนาได้รับ feedback และสามารถปรับปรุงผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ตลาดก่อนเปิดตัวจริง ผลลัพธ์คือการลดความเสี่ยงที่จะล้มเหลวและเร่งเวลาออกสู่ตลาดให้เร็วขึ้น กรณีศึกษาจำนวนมากชี้ว่าการใช้ Real-Time Insight แบบต่อเนื่องระหว่างพัฒนาสินค้าสามารถชี้นำทิศทางการพัฒนาผลิตภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนไปสู่การเปิดตัวสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกฟีเจอร์, การออกแบบ, หรือแม้แต่การตั้งราคาเปิดตัว ธุรกิจก็สามารถใช้ข้อมูล Agile Research มาประกอบการตัดสินใจได้ทุกขั้นตอน
Real-Time Insight คือแต้มต่อสำคัญเหนือคู่แข่ง
Real-Time Insight ที่ได้จาก Agile Market Research เปรียบเสมือนแต้มต่อเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้ธุรกิจก้าวนำคู่แข่งในสนามการแข่งขันยุคดิจิทัล ธุรกิจที่มีข้อมูลสดใหม่และรู้จักนำมาใช้จะสามารถปรับตัวได้ไว ตอบสนองลูกค้าได้ตรงความต้องการ และจับกระแสตลาดได้แม่นยำกว่าคนอื่น ในการตัดสินใจทางธุรกิจตั้งแต่การปรับราคาสินค้า การเลือกแนวทางการตลาด ไปจนถึงการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ล้วนมีความแม่นยำและมีโอกาสประสบความสำเร็จมากขึ้นเมื่ออ้างอิงจากข้อมูลเชิงลึกที่ทันเวลา องค์กรที่ผสานรวมระบบ CRM อย่าง HubSpot เข้ากับ AI และ CDP เพื่อสร้างแพลตฟอร์มข้อมูลลูกค้าแบบรวมศูนย์ จะยิ่งมีศักยภาพในการระบุโอกาสทางการตลาดหรือภัยคุกคามได้ก่อนใคร แล้วปรับกลยุทธ์ได้อย่างรวดเร็ว ดังที่ระบุไว้ว่า การมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลและ AI ช่วยให้องค์กรสามารถค้นหาโอกาส ปรับแผนธุรกิจ และรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันไว้ได้เสมอ
สุดท้ายแล้ว Agile Market Research ไม่ใช่แค่เทคนิคการวิจัยตลาด แต่คือการตัดสินใจบนฐานข้อมูลจริง เมื่อ Real-Time Insight กลายเป็นเข็มทิศนำทาง องค์กรก็พร้อมจะพลิกแพลงตามกระแสตลาดได้ทุกเมื่อและก้าวขึ้นเป็นผู้นำที่ทิ้งคู่แข่งไว้ข้างหลังได้
อ้างอิง : HubSpot. (2025). Market Research Kit. Retrieved from https://offers.hubspot.com/market-research-kit
อ่านบทความเพิ่มเติม : รู้จักพฤติกรรมผู้บริโภค มัดใจลูกค้าของคุณอย่างมีกลยุทธ์
ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com
No Comments