Buyer Persona 4.0 เข้าใจผู้บริโภคด้วย Survey + Focus Group + AI

Audio Version
Buyer Persona 4.0 เข้าใจผู้บริโภคด้วย Survey + Focus Group + AI
13:57

การสร้าง Buyer Persona ในยุค 4.0 ไม่ได้หยุดแค่ข้อมูลประชากรพื้นฐาน แต่ต้องขยายให้ครอบคลุมถึงพฤติกรรมและแง่มุมเชิงอารมณ์ของผู้บริโภคด้วย เจ้าของธุรกิจควรทำความเข้าใจว่าอะไรคือ “สิ่งที่มีความหมาย” ต่อผู้ที่จะตัดสินใจซื้อสินค้าหรือบริการของเรา นั่นหมายถึง Persona ควรสะท้อนทั้งพฤติกรรมการซื้อ เช่น ช่องทางที่ลูกค้าใช้ค้นหาข้อมูล และแรงจูงใจทางอารมณ์ เช่น ค่านิยม ความกลัว หรือความต้องการที่ซ่อนอยู่ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างครบถ้วน

การทำ Buyer Persona ที่ดีควรเริ่มจากการวิจัยตลาดและลูกค้าอย่างเป็นระบบ HubSpot แนะนำให้สร้างภาพตัวแทนของลูกค้าเป้าหมายออกมาเป็น “กึ่งสมมติ” (semi-fictional) โดยอ้างอิงจากข้อมูลจริงที่เก็บรวบรวมมา Persona ที่ชัดเจนจะช่วยชี้แนะแนวทางในการออกแบบแบบสอบถามและกลยุทธ์การตลาดอื่น ๆ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายยิ่งขึ้น เช่น หากเราทราบว่ากลุ่มลูกค้าของเรามีเป้าหมายอะไรในการใช้ผลิตภัณฑ์ เราก็สามารถปรับการสื่อสารทางการตลาดให้สอดคล้องกับสิ่งที่ลูกค้าสนใจหรือให้คุณค่าได้ดีขึ้น ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงทั้งข้อมูลพฤติกรรม และข้อมูลเชิงอารมณ์ข้าด้วยกัน

New call-to-action

ออกแบบ Survey และ Focus Group ตามแนวทาง HubSpot

Survey (แบบสอบถาม): การทำแบบสอบถามเชิงการตลาดเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรวบรวมข้อมูลจำนวนมากจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย HubSpot แนะนำให้แบ่งแบบสอบถามออกเป็นส่วน ๆ เพื่อครอบคลุมประเด็นที่สำคัญหลายด้าน ดังนี้

  • คำถามด้านประชากร (Demographic Questions): รวบรวมข้อมูลพื้นฐานของผู้ตอบ เช่น อายุ เพศ อาชีพ รายได้ เป็นต้น เพื่อให้เข้าใจภาพรวมของกลุ่มตัวอย่าง

  • คำถามด้านอุตสาหกรรม/คู่แข่ง (Competitor/Industry Questions): สำรวจมุมมองของลูกค้าเกี่ยวกับคู่แข่งและตลาด เช่น “เมื่อนึกถึงผลิตภัณฑ์ในประเภทนี้ คุณนึกถึงแบรนด์ใดบ้าง?” และ “คุณมีความภักดีต่อแบรนด์ใดเป็นพิเศษหรือไม่?” คำถามเหล่านี้ช่วยประเมินความแข็งแกร่งของผู้เล่นรายอื่นในตลาด และชี้ให้เห็นว่าแบรนด์ของเราอยู่ในตำแหน่งใดเมื่อเทียบกับคู่แข่ง

  • คำถามด้านแบรนด์ (Brand Questions): เจาะลึกการรับรู้แบรนด์ของเราในสายตาลูกค้า เช่น คุณเคยได้ยินชื่อแบรนด์ของเราหรือไม่ และรู้จักจากที่ไหน?” ตามด้วย “คุณมีความเห็นอย่างไรเกี่ยวกับแบรนด์ของเรา?” หรือ “คุณรู้สึกว่าแบรนด์เราน่าเชื่อถือเพียงใด?” คำถามเหล่านี้มุ่งเน้นวัดภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือของแบรนด์ในมุมมองของลูกค้า

  • คำถามด้านผลิตภัณฑ์ (Product Questions): หากผู้ตอบเคยใช้สินค้าหรือบริการของเรา ให้ถามถึงประสบการณ์ของพวกเขา เช่น “โดยภาพรวมคุณรู้สึกอย่างไรกับผลิตภัณฑ์ของเรา?” พร้อมทั้งขอให้ระบุจุดแข็งและจุดอ่อนที่พวกเขาพบเจอในการใช้ผลิตภัณฑ์นั้นๆ ข้อมูลส่วนนี้จะช่วยให้เราเข้าใจมุมมองการใช้งานจริงของลูกค้า ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาสินค้าหรือบริการต่อไป

ในการออกแบบแบบสอบถาม ควรใช้คำถามแบบเลือกตอบ (ปิด) ผสมกับคำถามปลายเปิดที่สั้นกระชับ เพื่อให้ง่ายต่อการสรุปผลและวิเคราะห์ในเชิงปริมาณ ข้อมูลเชิงตัวเลขจากคำถามปิดจะช่วยให้เห็นแนวโน้มส่วนใหญ่ได้ชัดเจน ในขณะที่คำตอบจากคำถามปลายเปิดจะให้ insight เชิงคุณภาพที่ลึกขึ้น

CTA : HubSpot Smart CRM

Focus Group (การสนทนากลุ่ม): เป็นวิธีวิจัยเชิงคุณภาพที่ช่วยให้เราได้ข้อมูลเชิงลึกจากการพูดคุยแบบกลุ่มย่อย (ทั่วไปประมาณ 5-8 คน) ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหรือผู้ใช้จริง การทำ Focus Group มีแนวทางปฏิบัติที่ดี ดังนี้

  • ใช้คำถามปลายเปิด: ทุกคำถามควรจะเปิดโอกาสให้เกิดการสนทนาอย่างอิสระ หลีกเลี่ยงคำถามที่ตอบได้เพียง "ใช่/ไม่" เช่น แทนที่จะถามว่า “คุณชอบผลิตภัณฑ์นี้ไหม?” ให้ถามว่า “คุณคิดอย่างไรกับผลิตภัณฑ์นี้?” ซึ่งแม้ทั้งสองคำถามดูเหมือนต้องการทราบความคิดเห็นเชิงบวกหรือลบเหมือนกัน แต่คำถามหลังจะกระตุ้นให้ผู้ร่วมกลุ่มให้คำตอบที่ละเอียดและลึกกว่า

  • จำกัดจำนวนคำถามสำคัญ: ไม่ควรถามคำถามเชิงลึกมากเกินไปในครั้งเดียว การตั้งคำถาม 20 ข้อใน Focus Group เดียวอาจทำให้ข้อมูลที่ได้ผิวเผิน ควรคัดเลือกเพียง 5-10 คำถามที่สำคัญที่สุดที่จะนำไปสู่การสนทนาที่ได้ประโยชน์สูงสุด การจำกัดจำนวนช่วยให้แต่ละประเด็นได้พูดคุยอย่างเต็มที่ และผู้ร่วมกลุ่มไม่ล้าหรือเบื่อก่อนจบ

  • ส่งเสริมการติดตามและความคิดเห็นเพิ่มเติม: ความพิเศษของ Focus Group คือเรามักจะได้รับข้อมูลเชิงลึกที่ไม่คาดคิดจากการอภิปรายร่วมกัน ดังนั้นผู้ดำเนินการควรเปิดโอกาสให้ผู้ร่วมกลุ่มติดตามหรือขยายความความคิดเห็นที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้น อย่ากลัวที่จะใช้เวลาขยายความไอเดียใหม่ ๆ ที่ผุดขึ้นมาระหว่างสนทนา และถามให้ผู้ร่วมกลุ่มช่วยกันอธิบายเพิ่มเติมในประเด็นนั้น ๆ วิธีนี้ทำให้เราอาจค้นพบ insight ใหม่ที่ไม่ได้อยู่ในแผนคำถามเดิม

  • นำสินค้า/ต้นแบบมาให้ลอง (ถ้ามี): หากธุรกิจมีผลิตภัณฑ์ที่สามารถจับต้องหรือทดลองได้ ควรนำมาให้ผู้ร่วม Focus Group ได้สัมผัสและใช้งานจริง สิ่งนี้จะช่วยให้คำตอบที่ได้มีความหมายและเจาะจงมากขึ้น เช่น เมื่อถาม “คุณคิดว่าจะใช้ผลิตภัณฑ์นี้อย่างไรในชีวิตประจำวัน?”, “คุณชอบอะไรในผลิตภัณฑ์นี้?” หรือ “มีสิ่งใดที่อยากให้ปรับปรุงไหม?” ผู้ร่วมกลุ่มจะสามารถตอบจากประสบการณ์ตรง ทำให้ข้อมูลมีคุณค่ากว่าการถามลอย ๆ โดยไม่มีบริบทการใช้งาน

  • ถามเรื่องราคาและคู่แข่ง: อีกประเด็นที่ HubSpot แนะนำคือการสอบถามมุมมองของผู้ร่วมกลุ่มเกี่ยวกับราคาของสินค้าและแบรนด์คู่แข่งหลัก “คุณคิดว่าใครคือคู่แข่งที่สำคัญของเรา และเพราะเหตุใด?” รวมถึง “คุณคิดว่าราคาที่เหมาะสมของสินค้านี้ควรอยู่ที่เท่าไร และเพราะอะไร?” การพูดคุยเรื่องเหล่านี้จะเผยเหตุผลเบื้องหลังความคิดของลูกค้า ทั้งในเรื่องการให้คุณค่าต่อสินค้าของเราและมุมมองที่มีต่อคู่แข่ง เช่น หากมีผู้ที่ประเมินมูลค่าของผลิตภัณฑ์เราต่ำกว่าที่ควร ในแบบสอบถามเราอาจได้แค่ตัวเลขที่ต่ำ แต่ในการสนทนากลุ่ม เราอาจค้นพบว่าสาเหตุที่เขาประเมินต่ำเป็นเพราะเขา “ไม่มีความสนใจ” ในสินค้าเราจริง ๆ หรือมองว่าสินค้านั้นไม่ตอบโจทย์เขา เป็นต้น ข้อมูลเชิงลึกเหล่านี้มีค่ามากในการกลับไปปรับกลยุทธ์การตลาดหรือการพัฒนาสินค้า

ทั้งแบบสอบถามและ Focus Group เป็นเครื่องมือเสริมกัน แบบสอบถามช่วยให้ได้ข้อมูลกว้าง ๆ จากกลุ่มใหญ่ ในขณะที่ Focus Group ให้ข้อมูลลึกเชิงคุณภาพจากกลุ่มเล็ก การใช้ทั้งสองวิธีร่วมกันจะช่วยให้เราเข้าใจ Buyer Persona ของธุรกิจได้ทั้งมิติ “ภาพกว้าง” และ “ภาพลึก” ซึ่งจะนำไปสู่การวางแผนกลยุทธ์ที่แม่นยำขึ้น


ใช้ AI ร่วมกับ HubSpot และ LINE CRM เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ตาม Persona

shutterstock_2497297569

เมื่อตั้งต้นด้วย Buyer Persona ที่ชัดเจน ธุรกิจสามารถยกระดับการสื่อสารการตลาดโดยการผสานเทคโนโลยี AI และระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (CRM) เข้าด้วยกัน เพื่อสร้างประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคลให้กับลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในยุคดิจิทัลปัจจุบัน ลูกค้าคาดหวังการสื่อสารที่รวดเร็ว ตรงใจ และมีคุณค่าสูง ซึ่งระบบอย่าง HubSpot CRM ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการเหล่านี้โดยเฉพาะ ด้วยการรวมข้อมูลลูกค้าจากทุกช่องทางเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้ธุรกิจมีมุมมอง 360 องศาต่อลูกค้า สามารถตัดสินใจเชิงข้อมูลและสื่อสารได้ตรงตามความต้องการของแต่ละบุคคลมากขึ้น (personalized interactions) ยิ่งไปกว่านั้น การผสาน LINE CRM เข้ากับ HubSpot ช่วยให้การสื่อสารผ่านช่องทาง LINE Official Account มีความต่อเนื่องและเป็นระบบ โดยข้อมูลการโต้ตอบบน LINE จะถูกรวบรวมในฐานข้อมูลลูกค้าร่วมกับช่องทางอื่น ๆ ธุรกิจจึงสามารถส่งข้อความหรือข้อเสนอที่ “ใช่” ได้ตรงกับบริบทและความสนใจของลูกค้าในแต่ละ Persona ได้ทันทีในช่องทางที่ลูกค้าใช้งานบ่อย

My CTA (15 July 2024 9:59)

AI มีบทบาทสำคัญในการทำให้การปรับแต่งข้อความและการดูแลลูกค้าเป็นรายบุคคล (Personalization) ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น 

  • AI ช่วยในการวิเคราะห์พฤติกรรมและคาดการณ์แนวโน้มของลูกค้า (Predictive Analytics) เพื่อให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจเชิงรุก เช่น คาดเดาว่าลูกค้ากลุ่มใดมีแนวโน้มจะสนใจสินค้าบริการใด หรือมีแนวโน้มจะเลิกใช้บริการเมื่อใด จากนั้นธุรกิจก็สามารถดำเนินการส่งข้อความหรือเสนอโปรโมชั่นเพื่อรักษาลูกค้ากลุ่มนั้นไว้ได้ทันเวลา 
  • AI ช่วยสร้างคอนเทนต์อัตโนมัติที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละ Persona เช่น การเขียนอีเมลหรือโพสต์โซเชียลที่สอดคล้องกับความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย และช่วยแบ่งกลุ่มลูกค้าโดยอัตโนมัติตามพฤติกรรม/ความสนใจ เพื่อให้การส่งข้อความตรงกลุ่ม และตรงเวลามากที่สุด ผลลัพธ์ที่ได้คือการสร้าง Customer Journey ที่เป็นส่วนตัว ลูกค้าแต่ละคนจะได้รับประสบการณ์ที่สอดคล้องกับความต้องการและพฤติกรรมของตนเอง 
New call-to-action

ตัวอย่างการปรับใช้ที่เห็นได้ชัดคือ การใช้ HubSpot CRM ควบคู่กับ LINE CRM ในการส่งข้อความการตลาดแบบเฉพาะบุคคล เช่น ส่งโปรโมชันผ่าน LINE ให้กับลูกค้าที่เคยมีประวัติสนใจสินค้าบางประเภท หรือการตั้ง Workflow อัตโนมัติให้ส่ง ข้อความติดตาม (follow-up) หาลูกค้าที่เพิ่มสินค้าลงตะกร้าแต่ยังไม่ได้ซื้อ ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้บนพื้นฐานข้อมูล Persona และพฤติกรรมที่ระบบ AI วิเคราะห์มา โซลูชันดังกล่าวช่วยเพิ่มความเร็วในการตอบสนองลูกค้าและส่งสารที่ตรงประเด็น กับแต่ละคน ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและสร้างความพึงพอใจให้ลูกค้าได้มากขึ้น


กรณีศึกษา: แคมเปญใช้ Persona ช่วยเพิ่มการรักษาลูกค้า (Customer Retention)

การนำ Buyer Persona มาประยุกต์ใช้ในกลยุทธ์การตลาดไม่เพียงช่วยในการดึงดูดลูกค้าใหม่ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาลูกค้าเดิมให้คงอยู่กับแบรนด์ได้นานขึ้น 

การใช้แพลตฟอร์ม HubSpot เพื่อสร้างการมีปฏิสัมพันธ์แบบเฉพาะบุคคลกับลูกค้า (personalized engagement) สามารถลดอัตราการยกเลิกหรือสูญเสียลูกค้า (Churn Rate) ลง และส่งเสริมความจงรักภักดีต่อแบรนด์มากขึ้นอย่างชัดเจน กล่าวคือ เมื่อเราสื่อสารกับลูกค้าตามความต้องการและบริบทของเขาผ่านข้อมูล Persona ลูกค้าจะรู้สึกได้รับการใส่ใจและเห็นคุณค่า ส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะอยู่กับแบรนด์ของเราต่อไปในระยะยาว

นอกจากนั้น บริษัทที่ใช้ HubSpot สามารถบริหารจัดการแคมเปญการตลาดหลายช่องทางได้มีประสิทธิภาพขึ้นถึง 80% และมีจำนวนลูกค้าเป้าหมายใหม่ (Inbound Leads) เพิ่มขึ้นถึง 99% ภายในหกเดือนหลังใช้งานแพลตฟอร์ม แม้ตัวเลขเหล่านี้จะไม่ได้กล่าวถึง Persona โดยตรง แต่หัวใจสำคัญมาจากหลักการเดียวกัน คือ เข้าใจลูกค้าให้ลึกซึ้งและปรับการสื่อสารให้ตรงใจ ซึ่ง Buyer Persona เป็นเครื่องมือสำคัญที่ทำให้เราบรรลุเป้าหมายนั้นได้

การสร้างแคมเปญการตลาดที่อิงตาม Persona ยังช่วยส่งเสริมการมีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องของลูกค้า (Engagement) ในระยะยาว เพราะเมื่อแบรนด์สื่อสารหรือมอบประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า ลูกค้าจะมีแนวโน้มโต้ตอบกลับ เช่น เปิดอ่านอีเมล คลิกข้อเสนอ หรือร่วมกิจกรรมของแบรนด์มากขึ้น ก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นและ Customer Loyalty ที่สูงขึ้น สุดท้ายแล้ว ลูกค้าที่ภักดีเหล่านี้ไม่เพียงอยู่ซื้อสินค้าต่อเนื่อง แต่ยังอาจกลายเป็นผู้แนะนำแบรนด์ (Brand Advocate) ที่ช่วยดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ ให้กับธุรกิจอีกด้วย

อ้างอิง : HubSpot. (2025). Market Research Kit. Retrieved from https://offers.hubspot.com/market-research-kit

อ่านบทความเพิ่มเติม : Customer Persona คืออะไร มีความสำคัญต่อการทำธุรกิจหรือไม่?

Contact Sales Add line

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com

 

LINE Connect

OGF Podcast