<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

จับสัญญาณ เมื่อ โฆษณา กลายเป็น ‘สิ่งรบกวน’ สำหรับลูกค้า

Audio Version
จับสัญญาณ เมื่อ โฆษณา กลายเป็น ‘สิ่งรบกวน’ สำหรับลูกค้า
4:10

ในโลกที่เต็มไปด้วยโฆษณา ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้บริโภคจะเริ่มรู้สึกเบื่อหรือรำคาญ โฆษณา ที่เห็นซ้ำ ๆ จนเกิดอาการ Ad Fatigue ซึ่งหมายถึงภาวะที่ลูกค้าเริ่มหมดความสนใจต่อโฆษณา ส่งผลให้ CTR (Click-Through Rate) ลดลง ยอด Engagement ถดถอย และ Conversion ตกต่ำ แม้ว่าจะอัดงบโฆษณามากขึ้นก็ตาม

5 สัญญาณที่บอกว่าโฆษณาของคุณกำลัง ‘เอียน’ ในสายตาลูกค้า

  1. Wear-out Metrics: ยอด Impression พุ่ง แต่ CTR ดิ่ง

หากโฆษณามีจำนวน Impression สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ CTR (Click-Through Rate) หรือ Engagement ลดลง นั่นอาจหมายถึงผู้ชมเห็นโฆษณาแต่ไม่คลิกหรือไม่สนใจอีกต่อไป ซึ่งบ่งบอกถึงการเริ่มอิ่มตัวของคอนเทนต์นั้น ๆ

Download E-Book  Customer Behavior in B2B Business

  1. Negative Feedback พุ่ง: โฆษณากำลังสร้างความรำคาญ

ตรวจสอบการตอบรับในเชิงลบ เช่น ยอด “Hide Ad” หรือ “Report Ad” เพิ่มขึ้น รวมถึงความคิดเห็นในเชิงลบที่เกี่ยวกับโฆษณาของคุณ ถ้าตัวเลขเหล่านี้เพิ่มขึ้นเร็ว อาจแปลว่าผู้บริโภคเริ่มเบื่อหรือไม่ชอบโฆษณาของคุณแล้ว

  1. ความถี่ในการเห็นโฆษณาสูงเกินไป (Ad Frequency)

ค่า Frequency คือจำนวนครั้งที่ผู้ชมคนเดิมเห็นโฆษณาของคุณ ถ้าค่าสูงเกินไป (มากกว่า 3-5 ครั้งต่อคน) มีแนวโน้มที่ลูกค้าจะรู้สึกว่าถูก “ตามติด” มากเกินไป และอาจหลีกเลี่ยงหรือละเลยโฆษณานั้นไปเลย

>>> ทำความรู้จัก ADS EXTENSIONS มีประโยชน์อย่างไร ช่วยเรื่อง CTR แค่ไหน?

  1. Brand Search และ Brand Recall ลดลง

หากแม้จะทุ่มงบโฆษณาเพิ่มขึ้น แต่ยอด การค้นหาชื่อแบรนด์ (Google/Social Search) และผลสำรวจ Brand Recall กลับลดลง อาจแปลว่าลูกค้าปิดรับข้อมูลจากโฆษณาของคุณแล้ว และไม่ให้ความสนใจต่อแบรนด์อีกต่อไป

shutterstock_634572878

  1. Organic Mentions และการแชร์ลดลง

หากโฆษณาเคยได้รับการพูดถึงหรือแชร์อย่างออร์แกนิก แต่ปัจจุบันยอดแชร์หรือ Mention ลดลงอย่างมาก แสดงว่าเนื้อหาไม่มีแรงจูงใจให้ผู้คนบอกต่อ ซึ่งอาจเป็นผลจาก Ad Fatigue


4 วิธีรีเฟรชโฆษณาให้กลับมาดึงดูดความสนใจอีกครั้ง

✅ ปรับเปลี่ยนเนื้อหาโฆษณาให้สดใหม่ สร้างคอนเทนต์ใหม่ทุก 2-4 สัปดาห์ เช่น เปลี่ยนภาพ วิดีโอ หรือรูปแบบการนำเสนอ เพื่อไม่ให้ผู้ชมรู้สึกซ้ำซาก

✅ ใช้ Personalization และ Dynamic Ads แสดงโฆษณาที่ปรับให้เหมาะกับพฤติกรรมของลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล เช่น Dynamic Product Ads ที่นำเสนอสินค้าที่ลูกค้าเคยดูหรือสนใจ

✅ กระจายแพลตฟอร์มและช่องทางโฆษณา หากเน้นเพียงแพลตฟอร์มเดียว ลองขยายไปยังช่องทางอื่น เช่น TikTok, YouTube Shorts หรือ Twitter Ads เพื่อให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายใหม่

✅ จำกัดความถี่การแสดงผล (Frequency Capping) ตั้งค่าให้โฆษณาแสดงผลในระดับที่เหมาะสม ไม่ถี่จนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกค้ารู้สึกว่าถูกบังคับให้เห็นโฆษณาซ้ำ ๆ


โฆษณาซ้ำซากทำลายยอดขาย?

การเข้าใจพฤติกรรมของลูกค้าและปรับกลยุทธ์อย่างเหมาะสมสามารถช่วยลดปัญหา Ad Fatigue ได้ นักการตลาดควรหมั่นติดตาม Wear-out Metrics และปรับเปลี่ยนเนื้อหาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้โฆษณายังคงน่าสนใจและมีประสิทธิภาพสูงสุด

อ้างอิง :

  • HubSpot Blog. (2024). "How to Identify and Overcome Ad Fatigue." Retrieved from blog.hubspot.com
  • Marpipe. (2024). "Ad Fatigue: How to Identify and Fix It." Retrieved from marpipe.com
  • Funnel.io. (2024). "What is Ad Fatigue and How to Avoid It?" Retrieved from funnel.io

อ่านบทความเพิ่มเติม :

THAILAND 4.0 คืออะไร เกี่ยวข้องกับ DIGITAL MARKETING อย่างไร

Contact Sales Add line

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com

Ourgreenfish LINE Connect

OGF Podcast