<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

เรียนรู้ศาสตร์ Data Tracking เพื่อติดปีก Digital Skill ให้ทีมการตลาด

Audio Version

การมีกลยุทธ์การตลาดที่แข็งแกร่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม และการติดตามแผนการตลาดของเราเพื่อเพิ่มผลลัพธ์การดำเนินงานให้สูงสุดก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ปัจจุบันการ Tracking ข้อมูลหรือการติดตามผลลัพธ์ด้านการตลาดเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์สมัยใหม่ และแม้ว่าอาจจะเป็นวิธีที่นักการตลาดหรือผู้บริหารหลายคนยังไม่คุ้นเคยกับการใช้เครื่องมือก็ตาม แต่ขั้นตอนการวางแผนและการดำเนินการที่ต้องใช้กระบวนคิดเพื่อสร้างสรรค์ว่าในกลยุทธ์ของเราจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจว่าแผนใดใช้ได้ผลและแผนใดไม่ได้ผล เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียงบประมาณไปแบบสูญเปล่า ดังนั้นนักการตลาดจึงจำเป็นต้องเข้าใจศาสตร์ของ Data Tracking หนึ่งใน Future Skill ที่จำเป็นต่อการบริหารธุรกิจและกลยุทธ์การตลาดสมัยใหม่ที่ใช้การวัดผลจากข้อมูลเป็นหลัก

 

Tracking System (ระบบการติดตามกระบวนการทำงาน) 

Tracking คือ ระบบที่ช่วยในการติดตามและตรวจสอบขั้นตอนการทำงาน โดยการ Tracking นั้น มีความสำคัญต่อการทำการตลาดสมัยใหม่เป็นอย่างมาก เรียกได้ว่าเป็นระบบการติดตามข้อมูลที่ขาดไม่ได้ ทั้งสามารถติดตามการทำงานของทีมการตลาดที่มีการกำหนดระยะเวลาหรือกำหนดเงื่อนไขสำคัญ ๆ ต่อการแบ่ง Segment หรือเก็บข้อมูล เป็นต้น ข้อดีของการติดตามข้อมูลคือ เพื่อให้ผลลัพธ์การดำเนินงานดีขึ้น เพราะสามารถเห็นติดตัวเลขเชิงสถิติได้ตลอดเวลา ลดปัญหาด้านการสื่อสารภายในองค์กร ลดขั้นตอนการทำงานที่ซับซ้อน ผลลัพธ์จากระบบ Tracking สามารถนำไปใช้วิเคราะห์หรือคาดการณ์แนวโน้มความสนใจของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายล่วงหน้าได้ โดยในปัจจุบันหลาย ๆ ธุรกิจเริ่มมองหาซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานด้านการบริหารจัดการตลาดกันมากขึ้น และเครื่องมือเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้เกิดทักษะใหม่ ๆ ขึ้นมา จึงเป็นเหตุผลให้ตลาดแรงงานในสายงานด้านการตลาดผลักดันให้คนรุ่นใหม่จำเป็นต้องมีทักษะการใช้เครื่องมือ MarTech ติดตัวเอาไว้

นับได้ว่าการเก็บข้อมูลและวัดผลนั้น คือส่วนสำคัญต่อการนำไปสู่กระบวนการขาย (Sales Process) ที่มีประสิทธิภาพ โดยข้อมูลที่เก็บได้จากแคมเปญต่าง ๆ หรือเก็บได้จากแบบฟอร์มหรือแบบสอบถามที่ให้กรอกในหน้า Landing Page จะส่งไปบันทึกไว้ในระบบ CRM ที่สามารถบริหารจัดการข้อมูลได้อย่างเป็นระบบ เพื่อให้คนในทีมสามารถเข้าถึงข้อมูลร่วมกันได้ ที่สำคัญข้อมูลกลุ่มเป้าหมายที่ใด้แบ่ง Segment เสร็จแล้วสามารถส่งต่อให้ทีมฝ่ายขายติดต่อไปและยังมีโอกาสสูงที่จะปิดการขายได้อีกด้วย 

 

ทำไมการติดตามข้อมูลจึงสำคัญต่อการทำธุรกิจสมัยใหม่ 

มีนักการตลาดหรือผู้บริหารหลายคนบอกว่าการติดตามผลการดำเนินงานเป็นสิ่งสำคัญ แต่เพราะอะไรถึงมีความสำคัญกับกลยุทธ์สมัยใหม่ นั่นเพราะเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่ใช้ข้อมูลเชิงสถิติ เช่น การเพิ่มปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์และดู Conversion Rate เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่วิเคราะห์ข้อมูลใด ๆ เลย และเราจะไม่ประสบความสำเร็จกับการตลาดอย่างแน่นอนหากไม่มีการติดตามข้อมูลการดำเนินอย่างเหมาะสม นี่คือเหตุผลที่นักการตลาดยุคใหม่ต้องมีทักษะด้าน Data Tracking

ขั้นแรก เราต้องมีการติดตามเพื่อตรวจสอบงานที่ไม่จำเป็นหรือทิ้งแคมเปญใด ๆ ที่ทำให้สูญเสียเงินไปแบบเปล่าประโยชน์ และไม่ใช่ทุกแคมเปญที่เราทำจะประสบความสำเร็จ เราจำเป็นต้องมีวิธีในการพิจารณาว่าแคมเปญใดทำให้เราเสียเวลาและเงินไปโดยไม่ได้เงินประโยชน์กับองค์กร

ขั้นที่สอง เราต้องติดตามเพื่อให้สามารถนำงบประมาณไปลงทุนในแคมเปญที่สร้างผลลัพธ์ในเชิงบวกได้มากขึ้น ลูกค้าของเราสามารถเพิ่มกำไรให้เราได้มากขึ้น เพียงแค่เราปิดแคมเปญโฆษณาที่ไม่ก่อให้เกิดผลกำไรและนำงบประมาณโฆษณาก้อนเดิมไปลงทุนซ้ำในแคมเปญที่สามารถทำกำไร นี่คืออีกหนึ่งวิธีการทำธุรกิจสมัยใหม่ที่วัดผลด้วยข้อมูล ตัดสินใจด้วยข้อมูล เพื่อปรับปรุงการดำเนินงานให้ดีขึ้น

New Marketing Plan MarTech Plan

การติดตามข้อมูล 4 อย่าง ที่จำเป็นสำหรับทำการตลาด

ธุรกิจ ผู้บริหาร หรือนักการตลาดในยุคปัจจุบันสามารถใช้ HubSpot CRM เพื่อติดตาม Leads ทั้งหมด รวมถึง Leads ที่มาจากช่องทางออฟไลน์ได้ด้วยการสแกน QR Code เข้ามาเป็น Follower ทาง Line OA หรือจากคนที่เข้ามายังเว็บไซต์ นักการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลจะทราบดีว่าเราไม่สามารถเรียกใช้แคมเปญที่ประสบความสำเร็จได้ และนั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมการ Tracking หรือติดตามข้อมูลจึงเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สำคัญอันดับต้น ๆ ในแวดวงการตลาด เพื่อติดตามข้อมูลที่ต้องวัดผลอยู่เป็นประจำ เพื่อดูจำนวน Leads ทั้งหมดของเราในแคมเปญต่าง ๆ เราได้รวมแนวทางการ Tracking ข้อมูลจาก HubSpot CRM เพื่อเป็นแนวทางสำหรับการปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด

 

Total of Leads 

ยอดรวมของ Leads (หรือ New Contacts) ไม่ว่า Leads ที่เข้ามาจะเป็นข้อมูลที่มีศักยภาพหรือไม่มีศักยภาพก็ตาม สิ่งสำคัญคือเราต้องทราบจำนวน Leads ทั้งหมดที่แคมเปญของเราดึงเข้ามา เราจะต้องมีข้อมูลนี้เพื่อคำนวณหาโอกาสในการขายของเราไปยัง MQL Stage (Marketing Qualified Leads) เพื่อสามารถติดตามและคัดกรองหาคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าจากข้อมูล Leads ที่เก็บไว้ในซอฟต์แวร์ CRM

 

Marketing Qualified Leads 

ลูกค้าเป้าหมายที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติตามเงื่อนไขด้านการตลาด เราสามารถใช้ HubSpot CRM เพื่อสร้างระบบการให้คะแนนลูกค้ากลุ่มเป้าหมายซึ่งเป็นการระบุลูกค้าเป้าหมายที่เราต้องดำเนินการแบ่ง Segment ลำดับความสำคัญของ Contacts โดยใช้ระบบอัตโนมัติ การติดตามข้อมูลการตลาดประเภทนี้ช่วยให้นักการตลาดทราบว่าแคมเปญหรือความคิดสร้างสรรค์ประเภทใดที่มีประสิทธิภาพในการเปลี่ยน Leads ที่ดีที่สุดให้กลายเป็นผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าในอนาคต และฟูมฟัก หรือ Nurturing กลุ่มเป้าหมายด้วยเนื้อหา (Content) ที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจซื้อ

 

Prospect 

Leads ที่ถูกเลือกตามการตั้งค่าเงื่อนไขการแบ่ง Segment เพื่อคัดกรอง Leads ด้วยการใช้ Workflow Automation หากคนในทีมของเราสามารถทำความเข้าใจการใช้เครื่องมือและพิสูจน์ว่าความคิดสร้างสรรค์ทางการตลาดใดที่สามารถค้นพบ Leads ที่มีศักยภาพได้มากที่สุด แน่นอนจะช่วยให้ทีมของเราวางแผนกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างมั่นใจมากขึ้น

 

Customer Acquisition Cost 

ต้นทุนในการได้ลูกค้ามาแต่ละคนนั้น เราต้องกำหนดว่าต้องใช้เงินไปกับการทำการตลาดเป็นจำนวนเท่าใดเพื่อให้ได้ลูกค้ามา การทำความเข้าใจการควบคุมต้นทุนนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยให้นักการตลาดเตรียมงบประมาณได้ถูกต้องก่อนจะทำการเปิดตัวแคมเปญใหม่ ๆ แต่ยังช่วยให้พวกเขาพัฒนาความรู้ของการลงทุนด้านการตลาดที่จำเป็นเพื่อดึงดูดลูกค้าในอนาคต

 

ตัวแปรที่ใช้แทนค่าในสูตรการคำนวณหา Customer Acquisition Cost

  • MC (Marketing Cost)= ต้นทุนทางการตลาดของแคมเปญนั้น (Amount Spent on Sales & Marketing)
  • CA (Customer Acquisition) = จำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้จากแคมเปญนั้น (New Customers Acquired)
  • CAC (Customer Acquisition Cost) = ต้นทุนของการได้ลูกค้ามา 1 คน

 

ติดตามข้อมูลการบริหารจัดการตลาดเพื่อปรับปรุงแคมเปญ 

ขั้นตอนแรกในการทำแคมเปญการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลใด ๆ ก็ตาม คือการกำหนดเป้าหมายและทำความเข้าใจว่าเราจะวัดผลอย่างไร เป้าหมายของเราจะเป็นตัวกำหนดว่าตัวชี้วัดว่ามีความสำคัญต่อการทำงานของทีมอย่างไรบ้าง ดังนั้นก่อนที่จะเลือกใช้ซอฟต์แวร์ที่สามารถติดตามผลการดำเนินงานด้านการตลาด เราต้องรู้เป้าหมายของการทำการตลาดก่อนเสมอ เพื่อที่จะได้เลือกใช้ข้อมูลได้อย่างเหมาะสม

ตัวอย่างเช่น เรามักจะใช้เวลาคิดเกี่ยวกับเป้าหมายโดยรวมของแคมเปญใช่หรือไม่ ว่าต้องการเก็บข้อมูลของคนกลุ่มไหน เพื่อทำการแบ่ง Segment เราตัดสินใจว่าเราต้องการเชิญชวนให้ผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้ามาลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้สินค้า วิธีการนี้เราได้ระบุตัวชี้วัดข้อมูลเฉพาะทางของแคมเปญไว้แล้วว่าต้องการข้อมูลของคนที่สนใจสินค้าจริง ๆ

 

ติดตามวัดทางโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม (Social Metrics) 

การติดตามการตลาดสำหรับโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มสามารถช่วยบอกผลกระทบที่แชร์หรือโพสต์ ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์และความรู้สึกนึกคิดของกลุ่มผู้ติดตามเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อผลลัพธ์ด้านการตลาดอีกด้วย การมีความเข้าใจว่าธุรกิจของเรามีการรับรู้อย่างไรจากผู้ชมทางโซเชียลมีเดียเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์และความมั่นใจในแบรนด์ของตัวเอง อัตราการติดตาม (Growth Rate) ที่ธุรกิจดึงดูดแฟน ๆ หรือผู้ติดตามโดยรวม และระดับที่ผู้ติดตามมีส่วนร่วมกับแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้ทราบถึงความเกี่ยวข้องของคอนเทนต์ที่ส่งออกไปทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีผลต่อการดึง Leads เข้ามาจัดเก็บในระบบ CRM

ด้วยการตั้งกลุ่มเป้าหมายและเชื่อมโยงกับความคิดสร้างสรรค์ใน Twitter, Facebook, Instagram และอื่น ๆ นักการตลาดสามารถทราบได้ว่าแคมเปญบนโซเชียลมีเดียใดมีส่วนช่วยส่งเสริมต่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจโดยตรง ซึ่งสามารถทำได้โดยใช้วิธีการแบบ Data Tracking แสดงผลลัพธ์ที่คนในโซเชียลมีเดียได้สร้างยอดผู้เข้าชมเว็บไซต์หรือยอด Leads ที่เก็บได้จากคนที่คลิกลิงก์เข้ามายังเว็บไซต์จากแคมเปญของเราโดยแบ่งตามช่องทางต่าง ๆ นี่เป็นโอกาสสำหรับนักการตลาดในการสร้างความแตกต่างให้กับบริษัทด้วยการสร้างกระบวนการติดตามข้อมูลและกระบวนการเก็บข้อมูลเพื่อมาสนับสนุนฝ่ายบริการลูกค้าหรือทีมขายให้ทำงานร่วมกันเพื่อตอบสนองต่อปัญหาการเก็บข้อมูลและการทำ Segmentation อย่างรวดเร็ว

 

ติดตามวัดผลทางเว็บไซต์ (Website Metrics) 

การติดตามผลลัพธ์ของเว็บไซต์เป็นสิ่งที่ต้องมีในการติดตามผลการดำเนินงานการตลาดสมัยใหม่ เมื่อนักการตลาดเข้าใจจำนวนผู้เข้าชมที่เข้ามาในหน้าใดหน้าหนึ่งและอัตราการเข้าชมที่มากขึ้น จะทำให้เข้าใจแนวโน้มของการเข้าชมเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น รวมทั้งช่วยในการตรวจสอบข้อมูลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากข้อมูลบนหน้า Landing Page แต่ละหน้า เช่นเดียวกับการติดตามหรือวัดผลทางโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์ม ดังนั้นเป้าหมายของวัตถุประสงค์การขายของธุรกิจจะเชื่อมโยงกับการดำเนินการบนเว็บไซต์เพื่อพิสูจน์คุณค่าของคอนเทนต์บนเว็บไซต์นำมาสู่ผลลัพธ์ด้านการเก็บข้อมูลและปิดการขายในที่สุด

 

ติดตามวัดผลผ่านอีเมลและจดหมายข่าว (Email Marketing and Newsletter Metrics) 

จดหมายข่าวมีความสำคัญต่อการสื่อสารของเรา แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่าแผนใดใช้ได้ผล ผู้ชมของเราไม่สนใจว่าเราต้องใช้เวลากี่ชั่วโมงในการสร้างภาพกราฟิกที่น่าดึงดูด การสร้างสรรค์ข้อความ หรือคอนเทนต์ พวกเขาสนใจว่าเนื้อหาจะช่วยแก้ปัญหา ให้คำตอบที่ต้องการ หรือทำให้ชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้นได้อย่างไร และเป็นหน้าที่ของเราที่จะตอบสนองความต้องการเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้าและลูกค้าเป้าหมายคนสำคัญ สิ่งที่พวกเขาต้องการคือการได้รับอีเมล (Email Marketing) และการติดตามจดหมายข่าวที่มีคุณค่า นั่นเป็นเรื่องง่ายที่นักการตลาดสมัยใหม่ไม่ควรมองข้าม ยิ่งเรามีเครื่องมือที่เหมาะสมแล้วก็จะยิ่งทำให้เราทำ Email Marketing ได้ง่ายขึ้น

ในปัจจุบันเราสามารถส่งข้อความหรือสื่อสารด้วยเนื้อหาคุณภาพของเราผ่านอีเมลด้วยเครื่องมือ MarTech อย่าง HubSpot CRM ได้อย่างง่ายดาย และสามารถติดตามอัตราการเปิดและการคลิกผ่านอีเมลของเราได้ การติดตามผลลัพธ์เหล่านี้ควรค่าแก่การนำไปเป็นข้อมูลด้านการวางกลยุทธ์เพื่อทำการทดสอบต่อไป เช่น จากการทดสอบในการตั้งชื่อหัวข้อหรือชื่อเรื่องของจดหมายสำหรับแจ้งข่าวสารของเรา เราอาจพบว่าอัตราการเปิดอ่านอีเมลของเราเพิ่มขึ้นเมื่อเราใช้ภาษาหรือข้อความที่เน้นบอกถึงคุณค่าของธุรกิจที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย นอกจากนี้เมื่อทดสอบอัตราการคลิกผ่านคำกระตุ้นการตัดสินใจ (CTA) เราอาจจะพบว่ามีอัตราเพิ่มขึ้นเมื่อใช้ข้อความที่กระตุ้นการคลิกหรือกระตุ้นให้ดำเนินการใด ๆ เช่น "เพิ่มประสิทธิภาพทันที" “รับฟรี Ebook เนื้อหาอัดแน่น” แทนวลีที่ใช้กันอย่างแพร่หลายอย่างเช่น "อ่านเพิ่มเติม" หรือ "เรียนรู้เพิ่มเติม"

การติดตามข้อมูลการสมัครและยกเลิกการสมัครเป็นตัวชี้วัดที่ดีของความสนใจ และประสิทธิภาพของการทำการตลาด ซึ่งสามารถติดตามได้ใน HubSpot CRM ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น เราต้องการเพิ่มจดหมายแจ้งข่าวสารทางอีเมลและเปิดตัวแคมเปญเพื่อกระตุ้นการสมัครใช้งานแอปพลิเคชัน หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เรากลับมาตรวจสอบในแผนการติดตามผลลัพธ์การตลาดของเราอีกครั้งเพื่อพิจารณาว่าเราว่าแคมเปญนั้น ๆ เป็นอย่างไร และอาจจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดายที่เราพบว่าเราไม่ได้เพิ่มข้อมูลของผู้สมัครหรือเก็บข้อมูล (Capture Leads) หรือเราพบว่าหน้าลงชื่อสมัครใช้งานแอปพลิเคชันไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ เลย การติดตามข้อมูลเหล่านั้นจะบอกเราเองว่าเราควรปรับปรุงอะไรบ้าง เช่น ปรับปรุงความเข้าใจเหตุผลที่กลุ่มเป้าหมายควรสมัครใช้งานแอปพลิเคชันด้วย และแม้กระทั่งการแสดงตัวอย่างการใช้แอปพลิเคชันหรือเคล็ดลับต่าง ๆ ที่แชร์ในจดหมายข่าวสารทางอีเมล ทั้งหมดนี้เพื่อพยายามสร้างการดึงดูดให้ผู้รับอีเมลสนใจเนื้อหาของเรามากขึ้น หลังจากปรับปรุงแล้วเราอาจจะเริ่มเห็นจำนวนผู้ติดตามหรือผู้ลงทะเบียนสมัครใช้แอปพลิเคชันเพิ่มขึ้นทันที

 

 

การติดตามเพื่อทำ Segmentation ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

วันนี้เราได้ทำอะไรบ้างกับข้อมูลทั้งหมดที่เราได้รวบรวมมา และเรารู้สึกตื่นเต้นไปกับการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเหล่านั้นหรือไม่ สิ่งที่เราอาจไม่ทราบก็คืออาจใช้เวลานานในการหากลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเราไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับข้อมูลที่คุณรวบรวมมาได้ทั้งหมด

 

 Segmentation เป็นหนึ่งในเครื่องมืออันดับต้น ๆ ที่ไม่เพียงแต่จะรวบรวมข้อมูลลูกค้า

แต่ยังสามารถส่งข้อความหรือคอนเทนต์ที่มีคุณค่าไปยังบุคคลที่เหมาะสมอีกด้วย

 

ด้วยความสามารถของ HubSpot CRM ในการทำ Segmentation กับข้อมูลจำนวนมากได้แบบอัตโนมัติจะทำให้การแบ่งกลุ่มเป้าหมายด้วยข้อมูลความชอบหรือพฤติกรรมที่ต้องทำเป็นประจำทุกวันไม่ใช่เรื่องยาก เราสามารถเริ่มต้นใช้งานด้วยการรวบรวมข้อมูลจากแพลตฟอร์มของเราและอัปเดตไปยังแต่ละกลุ่มซึ่งได้กำหนดเงื่อนไขไว้แล้วว่าความสนใจของลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายคนไหนควรไปอยู่กลุ่ม Segment ไหน ซึ่ง HubSpot CRM เป็น Software ที่สามารถดึงข้อมูลพร้อมกับแบ่ง Segment ได้จากแพลตฟอร์มหรือช่องทางต่าง ๆ ตามวัตถุประสงค์ของการติดตามและจัดเก็บข้อมูล เช่น การรวมข้อมูล (Contacts) เกือบ 1,000 Contacts เราไม่ต้องกังวลกับการหาวิธี Segment กลุ่มเป้าหมายเพราะเครื่องมือ MarTech สามารถช่วยให้เราแบ่ง Segment ได้แบบอัตโนมัติพร้อมกับ Tracking ข้อมูลที่เกิดขึ้นเพื่อให้เราสรุปทำรายงานได้ง่ายขึ้น หากเราต้องการได้รับประโยชน์สูงสุดจากกิจกรรมทางการตลาด เราต้องรวบรวมและแบ่งปันข้อมูลไปยังกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมักจะหมายถึงการส่งข้อมูลไปยังกลุ่มคนที่แบ่ง Segment ไว้แล้วว่ามีโอกาสเป็นลูกค้า

 

การติดตามข้อมูล Customer Relationship Management (CRM Tracking) 

CRM คือวิธีการติดตามลูกค้าคนสำคัญด้วยการเฝ้าดูข้อมูลและพฤติกรรมการซื้อ ในปัจจุบันเราสามารถใช้แพลตฟอร์มการจัดการความสัมพันธ์กับลูกค้า หรือเครื่องมือ CRM มาเป็นตัวช่วยในการบริหารจัดการฐานข้อมูลเหล่านี้ซึ่งช่วยลดเวลา และลดความซับซ้อนในการจัดการข้อมูลให้กับทีมการตลาด และยังถือว่าเป็นคู่หูที่ดีที่สุดของพนักงานขายในเรื่องการจัดการและติดตามผลลัพธ์ของการขาย การใช้เครื่องมือ CRM จะทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านการขายสามารถสร้างโปรไฟล์สำหรับผู้มีแนวโน้มจะเป็นลูกค้าทั้งหมดด้วยข้อมูลความสนใจ พฤติกรรม โดยระบุชื่อ บริษัท หมายเลขโทรศัพท์ แหล่งที่มาของโอกาสในการขาย และข้อมูลใด ๆ ที่เราสามารถจัดเก็บเข้ามาได้ตลอดระยะเวลาของกระบวนการขาย เครื่องมือ CRM ส่วนใหญ่มีฟังก์ชันที่จะช่วยให้เราดึง Leads เข้ามา และจัดระเบียบตามแหล่งที่มาหรือแบ่ง Segment ของ Leads ได้ นอกจากนี้ระบบของ CRM จำนวนมากยังช่วยให้เราสามารถสรุปข้อมูลการขายและข้อมูลลูกค้าได้ง่ายขึ้นทำให้พนักงานของเราสามารถนำเอกสารที่สำคัญ ๆ ออกมาใช้งานเพื่อการวิเคราะห์ได้ไม่ยาก

ในปัจจุบันแพลตฟอร์ม CRM ที่สร้างระบบรักษาฐานลูกค้าอย่าง Loyalty Program ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญที่สร้างประโยชน์และให้ความสะดวกกับชีวิตการทำงานของพนักงานขาย และยังสามารถช่วยให้เราจัดการกับข้อมูลสมาชิก การสะสมคะแนน และของรางวัล ได้อย่างเป็นระบบ พร้อมกับบอกข้อมูลสำคัญของโอกาสในการขายที่ช่วยในการติดตามกระบวนการทำงานของเราได้แม่นยำ

 

ระบบติดตามการขายสำหรับธุรกิจ (Sales Tracking System) 

 

ทำไมธุรกิจของเราต้องใช้ระบบติดตามการขาย

เพราะการขายคืออีกหนึ่งกระบวนการสำคัญที่จะทำให้เราได้ลูกค้า ระบบติดตามการขาย หรือ Sales Tracking System จะช่วยบันทึกทุกกิจกรรมการขาย และยังให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการวางแผนการขายของเราอีกด้วย ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถสร้าง Deal Pipeline ด้วย HubSpot CRM และป้อนข้อมูลของ Deal แต่ละ Deal ได้ ซึ่ง HubSpot CRM หรือ CRM Software ตัวอื่น ๆ มักจะมีฟีเจอร์ให้เราได้เลือกใช้อย่างครอบคลุมทำหน้าที่เป็นเลขาคอยแจ้งเตือนปฏิทิน การนัดหมาย หรือกิจกรรมการขายอื่น ๆ นอกจากช่วยให้การขายของทีมการตลาดเป็นระบบมากขึ้น ยังช่วยให้เราสรุปรายงานการขายได้สะดวกและรวดเร็ว และที่สำคัญเรายังสามารถสร้าง Stage ของการขายขึ้นมาเองได้โดยประยุกต์ใช้เครื่องมือกับกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจเพื่อคัดกรองหา Deal ที่มีโอกาสปิดการขายมากที่สุดไปจนถึงการคัด Deal ที่ไม่มีศักยภาพออกไป

 

ระบบติดตามการขายจะช่วยยกระดับการดำเนินงานของธุรกิจได้อย่างไร

การตลาดในยุคปัจจุบันแทบจะกลายเป็นการตลาดกึ่งอัตโนมัติกันหมดแล้ว การใช้ Software เข้ามาช่วยติดตามการขาย จะช่วยให้ธุรกิจของเราค้นพบข้อมูลความเป็นจริงด้านการขาย และสามารถติดตามผลงานของพนักงานของแต่ละคนได้ พร้อมกับลดความผิดพลาดด้านข้อมูลและด้านการตัดสินใจได้อีกด้วย ทำให้เรารู้ว่าคนที่มีโอกาสเป็นลูกค้าคนไหนควรให้ความสำคัญมากที่สุด โดยในปัจจุบัน HubSpot CRM คือหนึ่งใน Marketing Software ที่สามารถยกระดับการทำงานให้ทีมการตลาดทั่วโลกมีความเป็นมืออาชีพด้านการจัดการข้อมูลมากขึ้น ช่วยจัดการทั้งแต่การจัดเก็บข้อมูลไปจนถึงการสร้างกระบวนการขายอย่างเป็นระบบ

ในปัจจุบันธุรกิจต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจขนาดเล็กไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ได้ให้ความสนใจกับการใช้เครื่องมือ MarTech ที่สามารถติดตามผลการดำเนินงาน การจัดการข้อมูล รวมถึงการสร้างกระบวนการทำงานรูปแบบใหม่ที่เป็นอัตโนมัต (Automation Marketing) ให้กับองค์กรของตน ซึ่งจะช่วยให้เราทำงานได้ผิดพลาดน้อยลงและปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นแบบ Realtime ที่สำคัญหนึ่งในทักษะที่สำคัญที่สุดของนักการตลาดสมัยใหม่คือการเข้าใจศาสตร์ของ Data Tracking หรือ Big Data เพื่อเจาะลึงข้อมูลผลการดำเนินงานและช่วยให้เราพัฒนาให้ธุรกิจเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Registration for CTA New Marketing Plan New Martech

อ่านบทความที่เกี่ยวข้องกับการจัดการการตลาดสมัยใหม่ด้วย Data

GROWTH MARKETING ศาสตร์การตลาดช่วยให้ธุรกิจเติบโตแบบยั่งยืน 

MARTECH SOLUTIONS ที่ตอบโจทย์ธุรกิจไทย 

พนักงานควรปรับตัวอย่างไร? เมื่อจำเป็นต้องใช้ เครื่องมือ MARTECH

DATA - DRIVEN THINKING เจาะวิธีคิดการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย DATA

CUSTOMER DATA PLATFORM มีความสำคัญต่อการจัดการข้อมูลลูกค้าอย่างไร

Ourgreenfish LINE Connect

ติดตามสาระความรู้เกี่ยวกับ
Digital Marketing และเทคโนโลยีได้ที่ Ourgreenfish Connect

 

 

Recent Posts

OGF Podcast