<img src="//trc.taboola.com/1081267/log/3/unip?en=page_view" width="0" height="0" style="display:none">
 

พนักงานขาย vs AI Sales Agent : ใครปิดการขายได้ดีกว่ากันในปี 2025?

Audio Version
พนักงานขาย vs AI Sales Agent : ใครปิดการขายได้ดีกว่ากันในปี 2025?
5:06
ในยุคที่ธุรกิจต้องแข่งกับเวลา ความเร็ว และข้อมูล การขายที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่แค่ “ขายได้” แต่ต้อง “ขายได้เร็วขึ้น แม่นยำขึ้น และเป็นระบบมากขึ้น” หนึ่งในคำถามที่หลายองค์กรเผชิญคือ “ควรลงทุนในพนักงานขาย หรือหันมาใช้ AI Sales Agent ดี?”

คำตอบไม่ได้อยู่แค่ในตัวเทคโนโลยี แต่ต้องเข้าใจความแตกต่าง จุดแข็ง และจุดอ่อนของแต่ละฝั่ง รวมถึงวิธีผสมผสาน “มนุษย์ + AI” ให้เป็นทีมขายที่ปิดดีลเร็วขึ้น 2 เท่า
 E-book-Sales Qualification Questions

จุดแข็งของพนักงานขาย ความเข้าใจเชิงลึกและอารมณ์มนุษย์

แม้เทคโนโลยีจะล้ำหน้าแค่ไหน แต่มนุษย์ยังมีข้อได้เปรียบในเรื่องที่ AI ยังตามไม่ทัน เช่น

- การอ่านน้ำเสียงและอารมณ์: พนักงานขายที่ชำนาญสามารถสังเกต hesitation หรือความลังเลของลูกค้าได้จากน้ำเสียง สีหน้า หรือคำถามที่ลูกค้าถามซ้ำ

- การพลิกสถานการณ์: หากลูกค้าเจอปัญหาหรือข้อสงสัยที่อยู่นอกเหนือสคริปต์ พนักงานที่มีประสบการณ์สามารถตอบแบบเฉพาะตัวได้

- การสร้างความสัมพันธ์: สำหรับสินค้าที่ต้องอาศัยความไว้วางใจ เช่น HealthTech, Education หรือ B2B ซอฟต์แวร์ มนุษย์ยังคงเป็นผู้นำในการสร้าง connection ได้ดีกว่า

อย่างไรก็ตาม พนักงานขายก็มีข้อจำกัด เช่น ความเหนื่อยล้า, เวลาในการตอบกลับ, การลืม follow-up และข้อผิดพลาดจากการทำงานซ้ำ ๆ


AI Sales Agent ขายได้ 24/7 ด้วยข้อมูลและประสิทธิภาพ

ในขณะที่พนักงานขายต้องพัก AI Sales Agent กลับ ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ พร้อมจุดเด่นที่มนุษย์เทียบไม่ได้ เช่น
CTA : AI SALE HUB

- ตอบกลับแบบ Real-time: Chatbot หรือ Voice Bot สามารถตอบคำถามลูกค้าทันทีโดยไม่รอเจ้าหน้าที่

- การปิดดีลด้วย Workflow Automation: ระบบสามารถเสนอโปรโมชัน ปิดการขาย หรือจองนัดหมายอัตโนมัติผ่าน CRM

- วิเคราะห์ข้อมูลและ Personalization: AI สามารถเรียนรู้จากพฤติกรรมลูกค้าและแนะนำสินค้าที่ตรงใจ พร้อมส่งอีเมลหรือ SMS ได้ทันที

- ลดต้นทุนแรงงานซ้ำซ้อน: งานเดิมๆ ที่พนักงานต้องทำซ้ำ เช่น ส่งใบเสนอราคา หรือติดตามลูกค้า ถูกทำแทนด้วย AI ทั้งหมด

อ้างอิงจาก HubSpot ปี 2025 ธุรกิจที่ใช้ AI Agent และ CRM อย่างเป็นระบบสามารถเพิ่มยอด Conversion Rate ได้ถึง 82% และปิดดีลเร็วขึ้นแบบวัดผลได้ชัดเจน


ใช้พนักงานขาย + AI Sales Agent อย่างไรไม่ให้ทับซ้อน?

คำตอบคือ “จัด Workflow ให้ชัด” โดยแบ่งบทบาท ดังนี้

Screen Shot 2568-06-09 at 16.51.55

เทคนิค เชื่อม CRM + AI Chatbot อย่างไรให้เวิร์ก

- ใช้ HubSpot CRM เชื่อมกับ LINE OA หรือ Facebook Messenger ผ่าน API หรือ CDP อย่าง Segment เพื่อให้ข้อมูลลูกค้าไหลเวียนได้แบบเรียลไทม์
- กำหนด Trigger เช่น เมื่อมีคนคลิกที่แคมเปญอีเมล → Chatbot จะทักพร้อมข้อเสนอพิเศษ
- วิเคราะห์การตอบสนองด้วย Predictive AI เพื่อส่ง sales ไปปิดดีลในจังหวะที่เหมาะสม
shutterstock_2602035905

กรณีศึกษา AI ช่วยทีมขายปิดดีลเร็วขึ้น 2 เท่า

หนึ่งในตัวอย่างจากลูกค้า Ourgreenfish คือบริษัทในกลุ่ม HealthTech ที่ต้องการเพิ่มผู้สมัครแพ็กเกจบริการสุขภาพออนไลน์

- ก่อนใช้ AI ทีมขายต้องโทรตามผู้ลงทะเบียน ใช้เวลาคัดกรองวันละ 40-50 ราย
- หลังใช้ AI Chatbot + HubSpot CRM ระบบคัดกรองอัตโนมัติ + ส่งข้อมูลให้ทีมขายเฉพาะรายที่มีโอกาสสูง → ทีมขายใช้เวลาคุยน้อยลงแต่ปิดดีลเพิ่มขึ้นเท่าตัว
- ผลลัพธ์ Conversion Rate เพิ่ม 70%, Lead คุณภาพดีขึ้น 2 เท่า และลดภาระงาน manual ลงไปมาก

ใครปิดดีลดีกว่ากัน?

คำตอบคือ “ไม่ควรเลือกข้าง” แต่ควรใช้ AI Sales Agent เป็นผู้ช่วยให้ทีมขายทำงานได้ดีขึ้น ในปี 2025 ธุรกิจที่นำ AI มาใช้ร่วมกับมนุษย์ ไม่ใช่แทนที่ จะสามารถ

- ขยายทีมขายแบบไม่ต้องเพิ่มพนักงาน
- ตอบสนองลูกค้าได้รวดเร็วและต่อเนื่อง
- ใช้ข้อมูลเพื่อวิเคราะห์และวางกลยุทธ์แบบ real-time
- ปิดดีลได้มากกว่า โดยใช้เวลาน้อยกว่า

อ้างอิง

  • HubSpot. (2025). The State of Marketing 2025 : Data-driven growth tactics and emerging trends to guide marketers into an AI-first business landscape.
  • Davidson, E. (2025). AI-Driven Sales Acceleration Case. HubSpot Use Case.
  • Frost, A. (2025). AI Search & CRM Optimization. HubSpot Growth Leadership Insights.

อ่านบทความเพิ่มเติม : ก่อนใช้ AI ต้องพร้อม! คู่มือเตรียมระบบข้อมูลสำหรับองค์กรยุคใหม่

Contact Sales Add line

ติดต่อเรา
โทร: +66 2-0268918
อีเมล: contact@ourgreen.co.th
เว็บไซต์: ourgreenfish.com

 

LINE Connect

OGF Podcast