รวมกลยุทธ์ Neuromarketing เปลี่ยนโฆษณาธรรมดาให้ได้รับความสนใจสูงสุด

Neuromarketing เทคนิคสำคัญที่สามารถเปลี่ยนโฆษณาธรรมดา ๆ ให้ได้รับความสนใจ กลายเป็นที่นิยมสูงสุดผ่านการใช้ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ กายภาพ ประสาทวิทยา และข้อเท็จจริงที่กระตุ้นความสนใจให้ร่างกายได้จริงหรือ?

Neuromarketing คือการ ทำความเข้าใจความคิดของลูกค้า ผ่านการวิเคราะห์ผ่านจิตใต้สำนึก อารมณ์ ความรู้สึกขึ้นพื้นฐาน ปฏิกิริยาที่ส่งผลต่อร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นและเกิดการเปลี่ยนแปลง อาทิ อัตราการเต้นของหัวใจเปลี่ยนแปลง รูม่านตาขยายกว้างขึ้นจากความสนใจ หรืออารมณ์ดีใจเมื่อได้เห็น, พบเจอเรื่องบางอย่าง ซึ่งการนำสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงกระตุ้นเหล่านี้ มาปรับใช้ในงานคอนเทนต์ โฆษณาเพื่อสร้างผลลัพธ์ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า สามารถช่วยกระตุ้นการขาย และความรู้สึกในเชิงบวกที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ให้มากขึ้น

เพิ่มความสนใจให้คอนเทนต์ด้วย Neuromarketing

การทำคอนเทนต์ให้ถูกใจลูกค้าในปัจจุบัน แค่การดึงเนื้อหาที่มีแนวโน้วว่าจะเป็นเรื่องที่ลูกค้าชื่นชอบอาจไม่ตอบโจทย์ และดึงดูดความสนใจมากเท่าที่ควรแล้ว เพราะคอนเทนต์ในปัจจุบันถูกผลิตขึ้นใหม่ มีแข่งขันกันด้วยสไตล์ เนื้อหา ความสนุกอยู่ตลอด ทำให้การใช้ Neuromarketing เข้ามามีบทบาทกลายเป็นตัวช่วยสำคัญโดยเฉพาะแบรนด์ใหญ่ ๆ จะนำมาใช้เพื่อเพิ่มแรงกระตุ้นหรือสิ่งเร้าการทำงานของสมองตามหลักประสาทวิทยา ตามหลักเทคนิคเชิง NEUROSCIENCE ที่สามารถดึงเอามาใช้ทํา NEUROMARKETING ซึ่งในบทความนี้เราขอยกตัวอย่าง 2 เทคนิคที่เป็นให้ผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน

Eye Tracking เพราะ 50% ของสมองเชื่อมต่อกับการมองเห็น

การตามหา Eye Tracking ให้กับสินค้า หรือโฆษณาถือเป็นการเรียกจุดสนใจแรกที่ส่งผลต่อสมอง และเป็นเทคนิคสำคัญใน เชิง NEUROSCIENCE มีการนำลักษณะการเคลื่อนไหวของดวงตามาวิเคราะห์ต่อ ว่าภาพแบบไหน สีแบบไหน การเคลื่อนไหวแบบไหนที่จะทำให้สมองสั่งการและมีปฏิกิริยาตอบสนองจนกลายเป็นแรงกระตุ้นมากเป็นพิเศษ และเมื่อการมองเห็นถูกกระตุ้นอย่างรุนแรงผ่าน Eye Tracking ก็จะส่งผลไปถึงการประมวลผลในสมอง เกิดความรู้สึกนึกคิดต่าง ๆ ที่มีผลต่อการตัดสินใจ นำไปสู่การชื่นชอบ ติดตาม และเป็นลูกค้ากันในที่สุด

การใช้ FACS (Facial Action Coding System) กระตุ้นความรู้สึก

นักการตลาดรู้ดีอยู่แล้วว่าการใช้เนื้อหา หรือคอนเทนต์ที่มีเรื่องของอารมณ์ ความรู้สึกสร้างความจำ ทำให้นึกถึงหรือจดจำรายละเอียดได้มากกว่าคอนเทนต์ทั่ว ๆ ไป จึงนำเอา Neuromarketing มาการเรียนรู้กลไกผ่านเครื่องมือการตอบสนองทางอารมณ์ การเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้าเข้ามาเป็นตัวช่วยชี้วัดว่าควรนำเสนอเนื้อหาแบบไหน กระตุ้นความรู้สึกด้วยคอนเทนต์แบบใดถึงจะมีผลกับอารมณ์ที่แท้จริงต่อสิ่งเร้านั้น ๆ และมีความคิดอย่างไรในแง่มุมต่าง ๆ จุดนี้สามารถเอามาใช้ทําการตลาด ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ โฆษณา หรือในเชิงแบรนด์ได้ ทั้งนี้คุณอาจจะค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับความชอบของ Generation ต่าง ๆ ว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณอยู่ใน Generation ไหน ชื่นชอบคอนเทนต์แนวใด ประเภทไหน แล้วผลิตเนื้อหาโฆษณาประเภทนั้น ๆ ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ หาจุดกระตุ้นความรู้สึกให้เป็นไปในทิศทางเดียวกันด้วยการใช้ FACS

แต่ไม่ใช่แค่การทำคอนเทนต์ โฆษณาที่มีเนื้อหาขบขัน จรรโลงใจ ดราม่า หรือประทับใจ เล่าเรื่องเศร้าเคล้าน้ำตาเท่านั้น ที่จะถือว่าเป็นการใช้ FACS หรือ Facial Action Coding System ในการกระตุ้นความรู้สึกเท่านั้น แต่การทำให้เกิดความรู้สึกว่าต้องรีบ ต้องตัดสินใจ เป็นเรื่องด่วนที่ต้องรีบทำก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถดึงเอา FACS ไปใช้ได้ โดยเฉพาะการทำคอนเทนต์ประเภท FOMO หรือ Fear of missing out เป็นจิตวิทยาที่ใช้ความกลัวกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจ อาจจะผ่านข้อความ สี การเคลื่อนไหว ซึ่งในแง่ของการตลาด การทำ FOMO จะทำให้ผู้บริโภคที่รู้จักคุณ หรือคนที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณอยู่แล้วแต่ยังไม่ตัดสินใจซื้อ หรือเคยใช้แล้วชื่นชอบแต่ยังไม่ได้เกิดซื้อซ้ำ รู้สึกกลัวว่าพวกเขาอาจจะพลาดบางสิ่งบางอย่างไป หรือกลัวไม่ได้ราคาโปรโมชั่นดี ๆ แบบนี้ วิธีเหล่านี้ก็จะทำให้ลูกค้ารีบตัดสินใจซื้อสินค้าและบริการทันที

การดึง Neuromarketing เข้ามาใช้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ได้รับความสนใจ และมักจะได้ผลจริงจากปฏิกิริยาของร่างกาย การกระตุ้นจากระดับประสาทวิทยาที่เกิดขึ้นจากร่างกายจริง ๆ แต่จะเลือกคอนเทนต์แบบไหนที่จะสามารถกระตุ้นสมองแล้วนำไปสู่ความรู้สึกนึกคิดและการตัดสินใจในแง่มุมไหนก็เป็นเรื่องที่คุณจะต้องวางแผนให้ดี เพื่อให้การโฆษณาครั้งนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีที่สุด นำไปสู่การพบกับลูกค้าตัวจริง สามารถปิดการขายและทำให้ลูกค้าเป็นลูกค้าที่จงรักภักดีต่อแบรนด์ในที่สุด