เคล็ดลับ Personalization ของ Breeze จากข้อมูลใน CRM สู่ข้อความที่โดนใจ

ทุกวันนี้ลูกค้าคาดหวังประสบการณ์แบบเฉพาะบุคคล การส่งข้อความแบบเหมรวมให้ทุกคนเหมือนกัน (Broad Message) เริ่มใช้ไม่ได้ผล จากสถิติพบว่า 72% ของลูกค้าจะมีปฏิสัมพันธ์กับข้อความที่ปรับให้ตรงกับตนเองเท่านั้น ขณะที่อีเมลขายทั่ว ๆ ไปมักมีอัตราเปิดอ่านเฉลี่ยราว 21% แต่หากปรับเนื้อหาให้ตรงกับผู้รับจริง ๆ ตัวเลขการเปิดอ่านอาจพุ่งเกิน 30% นอกจากนี้อีเมล Personalization จะกระตุ้นการตอบกลับเพิ่มขึ้นได้ถึง 26% เมื่อเทียบกับข้อความทั่วไป ธุรกิจที่อยากชนะใจลูกค้าจึงต้องหาวิธีทำการตลาดแบบรู้ใจ และนี่คือจุดที่ Breeze เข้ามาช่วยยกระดับการสื่อสารของคุณ

Breeze : ใช้ข้อมูล CRM ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

ขุมทรัพย์ข้อมูลใน HubSpot CRM : หลายบริษัทมีข้อมูลลูกค้ามหาศาลอยู่แล้วใน HubSpot CRM ไม่ว่าจะเป็นดีลที่ปิดการขายไปแล้ว, ประวัติ, ticket ที่ลูกค้าเคยติดต่อเข้ามา รวมถึง กิจกรรมทางการตลาด เช่น การกรอกฟอร์มหรือมีส่วนร่วมกับแคมเปญต่าง ๆ ข้อมูลเหล่านี้คือบริบทที่มีค่า ซึ่ง Breeze AI สามารถหยิบมาใช้สร้างข้อความเฉพาะบุคคลที่ “มีน้ำหนักและน่าเชื่อถือ” ได้

ยืนยันได้จากที่ HubSpot ระบุว่า Breeze Prospecting Agent ใช้ “ประวัติลูกค้าทั้งหมด” ตั้งแต่ดีลที่ปิดแล้ว, ทิกเก็ตซัพพอร์ต ไปจนถึงการมีส่วนร่วมทางการตลาด เพื่อปรับแต่งการ Outreach ให้ตรงกับปัญหาและความสนใจของลูกค้จริง ๆ เมื่อนำข้อมูลบริบทจริงมาใช้ เนื้อความอีเมลหรือแชทที่ส่งถึงลูกค้าก็จะดูจริงใจและน่าเชื่อถือ มากกว่าข้อความขายแบบทั่วไป

ตัวอย่างการต่อยอดข้อมูล : สมมติว่าลูกค้ารายหนึ่งเพิ่งซื้อสินค้าของคุณไป (มีดีลที่ปิดใน CRM) และเคยสร้าง ticket ถามวิธีใช้งานหลังการขาย ข้อมูลนี้ช่วยให้ Breeze รู้บริบทก่อนเขียนอีเมลถึงลูกค้ารายนั้น เช่น อาจเริ่มอีเมลด้วยการกล่าวถึงว่า “หวังว่าคุณจะพอใจกับสินค้า X ที่ซื้อไป เราพร้อมช่วยเหลือหากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม” ซึ่งเป็นการอ้างอิงดีลที่ปิดและ ticket จริง ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าแบรนด์ใส่ใจรายละเอียดและจำเรื่องราวของเขาได้

Get a Demo: ปรึกษาษาทีมงาน และสาธิตการใช้งาน

นี่คือการใช้ข้อมูล CRM มาเพิ่มน้ำหนักและความน่าเชื่อถือให้ข้อความ เพราะไม่ได้เขียนแบบลอย ๆ แต่มีที่มาจากประวัติการติดต่อจริงของลูกค้าเอง (Contextual Message) ในการขาย B2B ก็เช่นกัน ทีมขายสามารถใช้ข้อมูลอย่างจำนวนกิจกรรมที่ลูกค้ารายนั้นเข้าร่วม, จำนวน ticket ที่เคยส่ง หรือหน้าเว็บที่เข้าชมบ่อย เพื่อปรับข้อความติดตามผลให้ตรงจุด เช่น กล่าวถึงสินค้าที่ลูกค้าดูบ่อยและตอบข้อกังวลที่เคยมีได้ เมื่อข้อความโดนใจ ลูกค้าก็มีแนวโน้มจะเปิดอ่านและตอบอีเมลมากขึ้น

Breeze AI เขียนอีเมลตรงใจ เพิ่มโอกาสเปิดอ่านและตอบกลับ

เหนือกว่าการตลาดแบบ Broad Message : การส่งอีเมลหรือข้อความการตลาดแบบหว่าน (“โปรโมชั่นมาใหม่ ช่วยซื้อหน่อย”) อาจเข้าถึงคนจำนวนมากก็จริง แต่กลับไม่โดดเด่นในสายตาผู้รับ ตรงกันข้าม Breeze ซึ่งทำงานบนฐานข้อมูล CRM จะช่วยคุณเขียนอีเมลที่ตรงบริบทของลูกค้าแต่ละราย (Contextual Email) เช่น ใช้ภาษาหรือยกตัวอย่างที่สอดคล้องกับอุตสาหกรรมหรือปัญหาของลูกค้าคนนั้น ๆ โดย Breeze สามารถสแกนข้อมูลใน CRM และสร้างเนื้อหาที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละคนได้อย่างรวดเร็ว

Bradley Poole, CRO ของ ResellerRatings เล่าว่า Prospecting Agent ของ HubSpot สามารถสแกนข้อมูลติดต่อและสร้างอีเมล Outreach ที่ปรับให้ตรงใจผู้รับจนได้ผลลัพธ์ คือ การมีส่วนร่วมที่สูงกว่าอีเมลที่เขียนโดยทีมขายบางคนเสียอีก เนื่องจาก AI เข้าใจบริบทของลูกค้าแต่ละรายจริง ๆ ด้วย Breeze การสื่อสารครั้งแรกกับลูกค้าใหม่จะถูกยกระดับให้มีความเกี่ยวข้องและน่าสนใจมากยิ่งขึ้น

สถิติที่พิสูจน์ความต่าง : หลายธุรกิจพบแล้วว่าการตลาดแบบ Personalized ให้ผลลัพธ์ดีกว่า อย่างกรณีศึกษาของ Barn2Door ที่ใช้ Breeze ช่วยปรับแต่งแคมเปญอีเมล สามารถเพิ่มอัตราการเปิดอีเมลได้ถึง 30% และเพิ่มยอด Conversion ได้ถึง 20% เมื่อเทียบกับก่อนใช้ AI

ยิ่งไปกว่านั้น งานวิจัยตลาดชี้ว่า ผู้บริโภค 71% จะรู้สึกไม่โอเคหากได้รับประสบการณ์ที่ไม่ปรับให้ตรงกับตน และ 63% จะเลิกซื้อแบรนด์ที่ทำ Personalization แย่ ๆ ข้ข้อมูลนี้เน้นย้ำว่าการปรับเนื้อหาให้ตรงใจด้วยเครื่องมืออย่าง Breeze ไม่ใช่แค่สิ่งจำเป็น แต่เป็นความคาดหวังของลูกค้า การสื่อสารที่ตรงใจจะช่วยเพิ่มความสนใจและโอกาสในการตอบกลับ ซึ่งนำไปสู่การสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับแบรนด์ในระยะยาว

เลือกใช้ Breeze ได้ทั้งแบบ Manual Review และ Fully Autonomous

ควบคุมเองทุกขั้นตอน (Manual Review) : สำหรับธุรกิจที่อยากลองใช้ AI แต่ยังอยากตรวจสอบความถูกต้องของข้อความก่อนส่ง Breeze เปิดโอกาสให้คุณใช้โหมดกึ่งอัตโนมัติที่สามารถตรวจทานก่อนส่งทุกครั้ง เช่น เมื่อคุณตั้งค่า Prospecting Agent ให้ส่งอีเมลหาลูกค้าเป้าหมาย ระบบจะร่างอีเมลส่วนบุคคลขึ้นจากข้อมูล CRM แล้วหยุดรอให้คุณหรือทีมงานตรวจแก้ก่อน หากพอใจแล้วจึงสั่งให้ส่งได้เลย

ข้อดีคือ คุณยังคงกำกับ Brand Voice และรายละเอียดได้อย่างใกล้ชิด โหมดนี้เหมาะสำหรับช่วงเริ่มต้นที่ทีมยังต้องการความมั่นใจว่า AI เขียนเนื้อหาได้ตรงตามต้องการ HubSpot ระบุไว้ว่า ทุกครั้งที่เพิ่มรายชื่อผู้ติดต่อเข้า Breeze Agent ผู้ใช้สามารถเลือกโหมดให้มีการตรวจสอบและแก้ไขเนื้อหาก่อนส่งอีเมลได้ เพื่อให้มั่นใจในคุณภาพ โดยถือเป็น Human in the Loop

ให้ AI ทำงานแทน 24/7 (Fully Autonomous) : เมื่อทีมของคุณเริ่มไว้ใจ Breeze มากขึ้นและต้องการเร่งยอดขายหรือติดตามลูกค้าแบบต่อเนื่อง Breeze ก็สามารถสลับไปที่โหมด Fully Autonomous หรือทำงานอัตโนมัติเต็มรูปแบบได้

ในโหมดนี้ AI จะจัดการทุกอย่างตั้งแต่การค้นหาข้อมูลลูกค้า เปรียบเทียบสัญญาณการซื้อ ไปจนถึง การเขียนและส่งอีเมลหลายฉบับถึงลูกค้าโดยไม่ต้องรอการอนุมัติ เช่น Prospecting Agent สามารถเขียน และส่งอีเมลติดตาม 3 ฉบับให้ lead ที่คุณเลือกได้เองทันที

ข้อดีของโหมดนี้คือ Breeze จะทำงานไปเรื่อย ๆ ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วยให้การ Outreach กับลูกค้าไม่สะดุด ลูกค้าได้รับข้อความในเวลาที่เหมาะสมที่สุด เพิ่มโอกาสในการตอบกลับมากขึ้น

HubSpot ได้ออกแบบมาเพื่อให้ธุรกิจสามารถเริ่มแบบค่อยเป็นค่อยไป : หากใช้จนชำนาญแล้ว ผู้ใช้ก็ “เปลี่ยนไปใช้โหมด Fully Autonomous” เพื่อให้ Breeze ทำงานแทนทีมขายในการติดต่อลูกค้าเองได้เลย เรียกได้ว่าทีมขายสามารถโฟกัสที่ดีลสำคัญในขณะที่ AI จะค้นหาและดูแลลีดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ไม่พลาดโอกาสสำคัญ แม้ในเวลาที่ไม่ได้ทำการก็ตาม

Breeze AI เปรียบเสมือนผู้ช่วยส่วนตัวที่เรียนรู้อยู่เสมอ ยิ่งใช้งานมากก็ยิ่งเข้าใจบริบทธุรกิจของคุณ ทำให้การทำ Personalization ของคุณมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ในยุคที่ลูกค้าอยากได้รับความพิเศษเฉพาะตัว การใช้ AI อย่าง Breeze มาช่วยต่อยอดข้อมูล CRM ที่มีอยู่ จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจสร้างข้อความการตลาดที่โดนใจและน่าเชื่อถือ หาอ่านที่อื่นได้ยาก ส่งผลให้แบรนด์ของคุณโดดเด่น และเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดด้วยพลังของการตลาดแบบรู้ใจลูกค้า

อ้างอิง: