วิธีการเลือก Customer Data Platform ที่ดีที่สุดในปี 2023 ให้เหมาะกับองค์กรของคุณ

วิธีการเลือก Customer Data Platform ที่ดีที่สุดในปี 2023 ให้เหมาะกับองค์กรของคุณ
24:40

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาธุรกิจต่าง ๆ ได้หันมาให้ความสนใจในเรื่องของ Customer Data Platform หรือ CDP และมองเห็นศักยภาพของแพลตฟอร์มนี้ ที่จะเข้ามาช่วยบริหารจัดการกับข้อมูลทั้งหมดที่องค์กรมี 

อย่างที่เรารู้กันดีว่า ในปัจจุบัน ข้อมูลของลูกค้า เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับธุรกิจ เพราะมันจะช่วยให้คุณเข้าใจลูกค้าของคุณได้เป็นอย่างดี คุณจะรู้ได้ว่า สิ่งที่ธุรกิจของคุณกำลังทำอยู่นั้น ตอบสนองความต้องการของลูกค้าหรือไม่ และลูกค้ารู้สึกอย่างไร หรือมีปฏิสัมพันธ์ต่าง ๆ อย่างไรบ้าง นอกจากนี้ ยังช่วยคุณในการตัดสินใจการดำเนินงานทางธุรกิจในหลาย ๆ ด้าน รวมถึงคาดการณ์ถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย

โดยในปี 2006 Clive Humby นักคณิตศาสตร์ชาวบริติช ซึ่งเป็นผู้ที่สร้างวลีที่ว่า "Data is the new oil" หรือ ข้อมูลเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามากมายมหาศาลนั่นเอง โดยเปรียบข้อมูลว่าเหมือนกับน้ำมัน เพราะว่าคุณจะต้องมีการกลั่นกรอง หรือ ประมวลข้อมูล ก่อนที่จะนำไปใช้งาน ซึ่งก็เป็นจุดเริ่มต้นของการเลือกใช้งาน CDP ที่ดีที่สุด

New call-to-action

 

ทำความเข้าใจ Customer Data Platforms

Customer Data Platform เป็นซอฟต์แวร์ที่ให้มุมมองแบบ 360 องศาว่า ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับช่องทางการตลาด, การขาย และการบริการของแบรนด์อย่างไร โดยช่องทางเหล่านี้ อาจจะรวมถึง Website, Mobile App และแพลตฟอร์มการโฆษณาของคุณด้วย

เมื่อลูกค้าใช้ช่องทางเหล่านี้ CDP ก็จะเก็บรวบรวม และจัดการกับข้อมูลได้แบบ Real-time ซึ่งข้อมูลนี้ ทำให้คุณสามารถทำการตัดสินใจเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ และการตลาดได้อย่างชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยพัฒนาประสบการณ์ของลูกค้าได้

ในปัจจุบัน CDP กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับหลาย ๆ บริษัท โดยอุตสาหกรรมของ CDP ก็เติบโตขึ้นจาก 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2021 เป็น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2022 ซึ่ง Absolute Reports คาดการณ์ว่า ขนาดตลาดของ CDP ทั่วโลกจะสูงถึง 5.11 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2028

จากการที่ CDP สามารถเก็บรวบรวม และจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลจากจุด Touchpoint ต่าง ๆ ได้เป็นจำนวนมาก ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ 37% ของผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดได้ลงทุนไปกับการใช้งาน CDP

 

1-1

ภาพอ้างอิง

Customer Data Platforms ทำงานอย่างไร?

ให้คุณลองนึกภาพว่า ตัวเองเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดในบริษัท E-Commerce ที่ประสบความสำเร็จ โดยบริษัทของคุณได้สร้างเว็บไซต์ใหม่ และคุณได้อัปโหลดผลิตภัณฑ์หลายชิ้น พร้อมเขียนคำบรรยายของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ จากนั้น เว็บไซต์ของคุณก็จะพร้อมใช้งาน

โดยผู้มีโอกาสมาเป็นลูกค้า (Potential customer) อาจจะเริ่มต้นการเดินทางของพวกเขา ด้วยการใช้ Google Search และ 2 วันต่อมา ลูกค้าก็เข้ามาเยี่ยมชมเว็บไซต์ของคุณอีกครั้ง และใช้ปุ่ม Live Chat ของคุณ แต่ยังไม่ซื้อ และอีก 1 สัปดาห์ต่อมา ลูกค้าเลือกที่จะรับข่าวสารจากเราผ่านทาง E-mail

ในอีกสัปดาห์ ลูกค้าคลิกโฆษณา Facebook ของคุณ, ดูผลิตภัณฑ์ และเพิ่มไปยังรถเข็นของพวกเขา แต่พวกเขาก็ยังไม่ได้คลิก "ชำระเงิน" และยังไม่ได้กลายมาเป็นลูกค้า

สิ่งเหล่านี้ คือ Data point แต่ละจุดที่สามารถกำหนดรูปแบบแคมเปญการตลาดของคุณได้ และบ่อยครั้งที่การจัดเก็บข้อมูลเหล่านี้ไว้ในหลายที่ เช่น ระบบ CRM, เครื่องมือ Heat Map หรือ Google Analytics นั้น ส่งผลให้เกิด Data Silos หรือ การบริหารจัดเก็บข้อมูลแบบแยกส่วนกัน ซึ่ง CDP แก้ปัญหานี้ได้

 

2-Mar-21-2023-10-58-15-3236-AM

ภาพอ้างอิง

CDP ทำให้การโต้ตอบสื่อสารต่าง ๆ จากแหล่งข้อมูลหลายแห่งมารวมไว้ในระบบเดียว การใช้งาน CDP ซึ่งเป็น Source of Truth หรือแหล่งข้อมูลที่ถูกต้อง จะทำให้คุณสามารถแบ่งกลุ่มผู้ใช้งาน หรือลูกค้า, สร้างโปรไฟล์ลูกค้าโดยละเอียดตามพฤติกรรม และกำหนดลูกค้าเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

โดย CDP ยังทำให้ข้อมูลของคุณสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และส่งผลต่อการพัฒนาแคมเปญของคุณ ซึ่งจะสร้างประสบการณ์แบบ Personalization มากขึ้น, เพิ่มการมีส่วนร่วมของลูกค้า และเพิ่มอัตรา Conversion 

 

ประโยชน์ของ Customer Data Platform

CDP ถือเป็นสินทรัพย์ของ Tech Stack หรือชุดของเทคโนโลยีของบริษัท ซึ่งช่วยเสริม หรือเติมเต็มซอฟต์แวร์ที่มีอยู่ของคุณ และทำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการพัฒนาความสัมพันธ์กับลูกค้า, ปรับแคมเปญให้เป็นแบบ Personalization และขับเคลื่อนผลลัพธ์ทางธุรกิจที่ดีขึ้น

1. CDP ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา Data Silos

Data Silos คือ คลังข้อมูลที่พร้อมใช้งานสำหรับแผนกเดียว และแยกส่วนออกจากส่วนที่เหลือขององค์กร เรียกง่าย ๆ ก็คือ เป็นเหมือนการบริหารจัดเก็บข้อมูลแบบแยกส่วนนั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่นักการตลาดใช้การวิเคราะห์ และข้อมูลที่มีการระบุแหล่งที่มา (Data Attribution) เพื่อทำความเข้าใจผู้ใช้งาน แต่ทีมขายนั้น โฟกัสไปที่ข้อมูล CRM เพื่อทำการปิดการขาย ซึ่ง Silos เหล่านี้ จะไม่มีการรวมข้อมูลเพื่อให้ทั้ง 2 ทีมนี้ สามารถใช้งานร่วมกันได้ และไม่สามารถสร้างโปรไฟล์ลูกค้าที่ละเอียด และแม่นยำได้ ซึ่ง CDPs นี้เอง ที่จะเปลี่ยนแปลงสิ่งนี้ได้

โดย CDP จะดึงข้อมูลลูกค้าจากจุด Touchpoint ต่าง ๆ อย่างระบบ CRM และเครื่องมือการวิเคราะห์ของคุณ และจัดเก็บข้อมูลเหล่านั้นไว้ให้อยู่ในที่เดียว

2. CDP รับประกันความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล

อาชญากรรมคอมพิวเตอร์ (Cybercrime) เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีรายได้ต่อปี 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดย Data Silos อาจทำให้ข้อมูลของลูกค้าของคุณตกอยู่ในความเสี่ยง

Data Silos ทำให้ระบบของคุณเสี่ยงต่อการถูกโจมตีมากขึ้น และเมื่อคุณจัดเก็บข้อมูลในหลาย ๆ ที่ คุณก็อาจไม่ทราบว่าเกิดการละเมิดเหล่านั้นขึ้น

และข้อดีก็คือ CDP จะรวมศูนย์ข้อมูลของคุณ โดยคุณสามารถดำเนินการตรวจสอบข้อมูล เพื่อระบุ และหยุดการละเมิดได้ ซึ่งสิ่งนี้ช่วยให้คุณและลูกค้าของคุณปลอดภัยจากภัยร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้

3. CDP รวมข้อมูลของลูกค้าให้อยู่ด้วยกัน

ทีมการตลาดที่ทำหลาย ๆ แคมเปญ อาจไม่มีเวลาที่จะสื่อสาร หรือ แชร์ข้อมูลที่ได้มาจากการทำแคมเปญให้กับสมาชิกในทีม ซึ่งนี่เป็นจุดที่ CDP ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ โดยระบบเหล่านี้ จะรวมข้อมูลลูกค้าเข้าไว้ด้วยกัน ทำให้บริหารจัดการข้อมูลได้ง่ายยิ่งขึ้น และเตรียมการแคมเปญการตลาดของคุณ ให้ประสบความสำเร็จได้

4. CDP เก็บรวบรวม First-party Data 

First-party Data หรือ ข้อมูลที่บริษัทของเราเป็นผู้เก็บรวบรวมมาเอง ซึ่ง First-party Data นี้ถือเป็นสิ่งที่มีค่าสำหรับธุรกิจต่าง ๆ จาก Customer Experience Trends Report ของ Acquia พบว่า ในทุกวันนี้ 93% ของนักการตลาดกล่าวว่า การใช้ First-party Data เพื่อทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายของตนเองนั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ โดย First-party Data จะช่วยให้คุณเห็นภาพกลุ่มเป้าหมายของคุณได้ถูกต้องแม่นยำมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เหมือนกับ Third-party Data 

โดย CDP จะรวบรวม First-party Data อย่างการที่ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์กับเว็บไซต์, โซเชียล มีเดีย, อีเมล, แอปพลิเคชัน, ผลิตภัณฑ์ หรือสื่อออนไลน์ต่าง ๆ ทั้งหมดที่คุณมี และด้วยข้อมูลเหล่านี้ คุณสามารถตัดสินใจทางธุรกิจโดยอาศัยข้อมูลที่ครบถ้วน

Download E-book

 

สิ่งที่ต้องมองหาใน Customer Data Platform

คุณอาจกำลังจะซื้อ CDP หรือบางทีบริษัทของคุณก็สามารถสร้างฟังก์ชันการทำงานหลักของ CDP ได้ ซึ่งคุณจะต้องพิจารณาถึงข้อดี และข้อเสียของการซื้อ CDP กับการสร้าง CDP

ไม่ว่าคุณจะเลือกแบบไหน คุณจะต้องแน่ใจว่า ระบบของคุณสามารถใช้ฟีเจอร์ที่สำคัญต่อไปนี้ได้

AJ Liddell ผู้อำนวยการของ RevOps ที่ Blue Frog กล่าวว่า "คำแนะนำที่สำคัญที่สุดสำหรับใครก็ตามที่เลือกใช้ CDP คือ การกำหนด Use cases ของธุรกิจ, ความต้องการข้อมูล และกระบวนการต่าง ๆ ก่อนที่จะประเมินแพลตฟอร์มใด ๆ โดยเรื่องที่น่ากังวลที่ใหญ่ที่สุดเมื่อใช้งานแพลตฟอร์มใหม่ ๆ ก็คือ การใช้ CDP ที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจในเชิงกลยุทธ์ และไม่ถูกนำมาใช้งานโดย End User ซึ่งนำไปสู่ต้นทุนด้านเทคโนโลยีที่จมลง"

"การรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในขั้นตอนการวางแผนขั้นต้น และการค้นหาระบบที่ตรงกับความต้องการของพวกเขามากที่สุด ทำให้มั่นใจได้ว่า คุณจะได้รับการยอมรับจากคนในองค์กร เมื่อเริ่มใช้แพลตฟอร์มนี้ ให้คุณรวบรวมผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย, กำหนดกระบวนการ จากนั้นให้ดูว่า เครื่องมือใดเหมาะสมที่สุด อย่าซื้อเครื่องมือมา และฝืนใช้กับกระบวนการที่ไม่เหมาะสมกัน”

ลองมาดู 5 องค์ประกอบหลักของ CDP ที่ดีที่สุด

1. Identity Resolution

Identity Resolution หรือ การบ่งชี้ และระบุตัวตนของผู้ใช้งาน เป็นความสามารถของ CDP ในการทำความเข้าใจว่า ลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ผ่านช่องทาง, อุปกรณ์ และ Touchpoint ต่าง ๆ อย่างไร โดยฟังก์ชันนี้ ช่วยให้ CDP สามารถใช้ประวัติของลูกค้า เพื่อสร้างโปรไฟล์เดียวของผู้ใช้งานได้

2. Data Integrations

Data Integrations หรือ การรวมกันของข้อมูล โดย CDP ที่ดีที่สุดจะรวมข้อมูลจาก Adtech และ Martech Stack ของคุณได้ ดังนั้น CDP ที่คุณเลือกควรจะสามารถนำเข้า หรือส่งถ่ายข้อมูล และเปิดใช้งานข้อมูลจากเครื่องมือปัจจุบันของคุณได้แบบ Real-time

3. Custom Audience Segmentation

CDP ที่ดีที่สุด จะช่วยให้คุณสร้างกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดเองได้ ด้วยการใช้ Data point ซึ่งคุณสามารถสร้างแคมเปญแบบ Personalization ที่กำหนดลูกค้าเป้าหมายผ่านโซเชียล มีเดีย, อีเมล และ Search Engine ได้

4. Advanced Analytics

นักการตลาดมักจะมีข้อมูลมากกว่าที่พวกเขาต้องการ ดังนั้น เมื่อจะสร้าง หรือจะซื้อ CDP คุณต้องมีฟีเจอร์การวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง และการวิเคราะห์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ซึ่งสิ่งนี้ จะช่วยให้นักการตลาดสามารถสร้างแดชบอร์ดที่มีตัวชี้วัดที่สอดคล้องกันได้ และตรวจสอบว่า คุณสามารถส่งออกข้อมูลนี้ เพื่อแชร์กับสมาชิกในทีมได้

4. Security and Privacy Compliance

มาตรการลงโทษที่ใหญ่ที่สุด ส่งผลให้มีค่าปรับมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อให้บริษัทของคุณไม่เจอกับปัญหาเหล่านี้ ให้ตรวจสอบให้แน่ใจว่า CDP ของคุณนั้น มีความปลอดภัย ให้รับรองมาตรฐานความปลอดภัย และความเป็นส่วนตัวของ CDP โดยตรวจสอบว่า มีใบรับรองเช่น ISO 27001, ISO 27017, ISO 27018, CSA Star และ GDPR Seal หรือไม่

 

5 ขั้นตอนในการเลือก Customer Data Platform ที่ดีที่สุด

หากบริษัทของคุณต้องการซื้อ CDP จะเห็นได้ว่า มีตัวเลือกในตลาดมากมายในปัจจุบัน แต่ก็ไม่ใช่ว่า ทุกโซลูชันจะเหมาะสมที่สุดกับบริษัทของคุณ

โดย 5 ขั้นตอนนี้ จะช่วยให้คุณสามารถค้นหา CDP ที่ดีที่สุดสำหรับบริษัทของคุณได้ ซึ่งคุณจะได้เรียนรู้วิธีสื่อสารถึงความสำคัญของ CDP เพื่อรับรองการใช้งานแพลตฟอร์มใหม่ของคุณ

1. ทำให้ผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าใจ ยอมรับ และเข้าร่วม

CDP มีหน้าที่นำเข้า หรือ ส่งถ่ายข้อมูลจากแผนกต่าง ๆ ในองค์กรของคุณ ดังนั้น การได้รับการยอมรับจากผู้ที่เกี่ยวข้องนั้นจึงมีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายขาย, IT, Customer Success, การตลาด หรือฝ่ายการเงิน

เมื่อมีบุคลากรแผนก IT เข้ามาในกระบวนการนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เนื่องจาก IT จะรู้ว่า SDK (Software Development Kit) หรือ API ของ CDP เหมาะสมกับ Tech Stack ของบริษัทหรือไม่ ซึ่งการปรึกษาหารือเรื่อง CDP กับทุกฝ่ายในองค์กรของคุณ ก็จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณจะสามารถรวบรวมข้อมูลได้หลากหลายประเภท

ยกตัวอย่างเช่น 

  • ทีมขาย ใช้แพลตฟอร์ม CRM เพื่อบริหารจัดการ Pipeline หรือระบบการวางแผนการขายที่เป็นขั้นตอน  
  • ทีม Customer Success ใช้เครื่องมือการทำ Onboarding เพื่อพูดคุยกับลูกค้าใหม่
  • ทีมการตลาด ใช้เครื่องมือการวิเคราะห์ และเครื่องมือที่ระบุแหล่งที่มา เพื่อติดตามตัวชี้วัดต่าง ๆ เช่น MQL (Marketing Qualified Lead) หรือ Lead ที่มาจากช่องทางการตลาดต่าง ๆ
  • ทีมผลิต ใช้ข้อมูลการวิเคราะห์ เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของผู้ใช้งานในด้านองค์ประกอบโดยรวมของหน้าเว็บไซต์ของคุณ

การได้รับข้อมูลจากทีมต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้คุณรู้ว่า อะไรคือสิ่งที่พวกเขาหวังว่าจะได้รับจาก CDP ซึ่งจะช่วยพัฒนาการใช้งาน CDP ได้ทั่วทั้งบริษัทของคุณ 

2. สรุปความท้าทายหลัก หรือ Use Cases ของคุณ

สิ่งที่บริษัทของคุณคาดหวังจาก CDP น่าจะเป็นมากกว่าฟังก์ชันทั่วไปในการรวมข้อมูล โดยการสรุป Use Cases แบบเฉพาะสำหรับแบรนด์ของคุณ จะช่วยให้คุณพบ CDP ที่คุณต้องการใช้งานจริง

แม้ว่าจะเป็นความรับผิดชอบของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของคุณ แต่คุณจะต้องระบุรูปแบบที่ใช้โดยทั่วไป หรือพบได้บ่อย ๆ ซึ่งช่วยให้คุณค้นพบ และประเมินบริษัทที่ขาย CDP ที่สามารถแก้ปัญหาที่คุณระบุไว้ได้

ยกตัวอย่าง Use Cases ของ CDP 

  • การรวมข้อมูลลูกค้า
  • การพัฒนาการทำ Personalization
  • การส่งข้อความหลายช่องทาง
  • มีการวิเคราะห์ที่นำไปใช้ได้จริง

หลังจากสรุป Use Cases ของคุณแล้ว ให้ติดต่อเพื่อนของคุณที่มีการใช้งาน CDP ในบริษัท
โดยเป้าหมายของคุณ คือ การเรียนรู้เกี่ยวกับ CDP ที่พวกเขาใช้ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่มีความคล้ายกัน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยคุณในการสร้างลิสต์ตัวเลือกของโซลูชัน CDP ที่จะนำไปพิจารณาต่อ


3
ระบุเครื่องมือที่คุณต้องการ เพื่อเชื่อมต่อกับ CDP ของคุณ

การรู้จักเครื่องมือที่คุณจะเชื่อมต่อกับ CDP จะช่วยในการประเมินบริษัทที่ให้บริการ CDP และประเมินการรวมระบบ

ยกตัวอย่างเช่น หากหนึ่งในเป้าหมายของคุณ คือ การมีกลยุทธ์การส่งข้อความหลายช่องทางที่เชื่อมต่อกัน คุณอาจต้องใช้ Google Analytics, เครื่องมือ Live Chat, เครื่องมือ Business Intelligence และเครื่องมือโฆษณา เช่น Facebook

Use Cases ที่สรุปไว้ในขั้นตอนก่อนหน้า ก็ยังมีประโยชน์ในข้อนี้ เพราะมันสามารถช่วยคุณในการเจาะลึกเกี่ยวกับเครื่องมือที่คุณต้องการได้ ให้คุณตรวจสอบให้แน่ใจว่า CDP ของคุณทำงานร่วมกับระบบเดิมที่มีอยู่ก่อนแล้วได้ หาก CDP ไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ก็ให้ตัดออกไป

4. ระบุความสามารถของ CDP ที่คุณต้องการใช้งาน

นอกเหนือจากการใช้งานร่วมกับ Tech Stack ที่มีอยู่แล้วของคุณ การพิจารณาความสามารถหลักของ CDP ก็เป็นสิ่งสำคัญ ยกตัวอย่างเช่น หากบริษัทของคุณบริหารจัดการกับข้อมูลของลูกค้าที่ต้องระวังเป็นพิเศษ CDP ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 หรือ SOC 2 นั้น ก็จะเหมาะสมที่สุด

ข้อกำหนดอื่น ๆ ที่ต้องระวังคือ 

  • การกำกับดูแลข้อมูล (Data Governance)
  • ระดับคุณภาพของการบังคับใช้
  • การปฏิบัติตามกฎของ GDPR (General Data Protection Regulation) และ CCPA (California Consumer Privacy Act) 
  • การทำ Identity Resolution เพื่อให้ได้มุมมองแบบ 360 องศาของ Customer Journey
  • CDP ที่ควบคุมการใช้งานในบทบาทต่าง ๆ และการยินยอม
  • ปริมาณของข้อมูลที่คุณสามารถจัดเก็บได้

5. เปรียบเทียบบริษัทที่ขาย CDP

ให้ค้นหาผู้ให้บริการ CDP ที่เหมาะสม ด้วยการประเมินคำแนะนำจากเพื่อนร่วมงาน, การตรวจสอบราคา และการอ่านการเปรียบเทียบ CDP หากคุณกำลังค้นหาข้อมูล ให้ลองดูข้อมูลจาก G2 และ Capterra ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลที่มีประโยชน์

สิ่งที่ควรจำก็คือ CDP ทั้งหมดไม่ได้สร้างขึ้นมาให้เหมือนกันหมด บางตัวอาจทำงานได้ดีที่สุดกับธุรกิจขนาดเล็ก และบางตัวทำงานได้ดีกับบริษัทขนาดกลาง และระดับองค์กรขนาดใหญ่ ดังนั้น ให้คุณจำกัดการค้นหา CDP ให้แคบลง

หลังจากที่คุณเจอ CDP ที่ดีที่สุดแล้ว ให้คุณขอให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียของคุณให้คะแนนความสามารถของ CDP ที่เหมาะกับความต้องการ หรือข้อกำหนดในการทำงานของทีม โดยพวกเขายังสามารถทดลองใช้งาน CDP แบบฟรีก่อนได้ ซึ่งคุณก็จะพบโซลูชันที่ใช้งานได้ดีที่สุด

5 เครื่องมือ Customer Data Platform ยอดนิยม

เนื่องจากมี CDP มากมายในตลาดให้คุณเลือก และหากคุณกำลังตามหา CDP ของคุณเอง ให้เริ่มต้นหาศึกษาข้อมูลของ 5 ตัวเลือกเหล่านี้ก่อน

1. Segment

 

3-Mar-21-2023-11-20-08-9387-AM

ภาพอ้างอิง

 

Segment เป็น CDP ที่ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถเก็บรวบรวม และจัดการข้อมูล และใช้งานข้อมูลแบบ First-party Data ได้แบบ Real-time ผ่านเครื่องมือต่าง ๆ มากกว่า 300 เครื่องมือ โดยมีบริษัทมากกว่า 25,000 บริษัท ที่ใช้งานของ Segment ซึ่ง Segment ได้ให้พื้นฐานที่เอื้อต่อกลยุทธ์การบริหารจัดการข้อมูลต่าง ๆ   

โดย Segment ยังช่วยให้บริษัทต่าง ๆ ใช้ API เดียว เพื่อรวบรวมข้อมูลของลูกค้าจากส่วนต่าง ๆ ของธุรกิจ เช่น การขาย, การวิเคราะห์ และการให้บริการลูกค้า

คะแนนจาก G2 : 4.6/5

ราคา : Segment มีแผนราคา 3 แบบ คือ แผนที่ใช้งานฟรี , แผนทีม ที่มีราคา $120 ต่อเดือน หรือแผนธุรกิจที่สามารถกำหนดราคาเองได้ 

 

2. Emarsys

 

4-3

ภาพอ้างอิง

Emarsys เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการมีส่วนร่วมของลูกค้า (Customer Engagement) ที่สามารถใช้งานในด้าน CDP ได้ดีสำหรับการพัฒนาข้อมูลของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดย บริษัทให้บริการกับธุรกิจต่าง ๆ กว่า 1,500 ธุรกิจ ในอุตสาหกรรมด้านการค้าปลีก, ด้านอีคอมเมิร์ซ, ด้านการท่องเที่ยว, ด้านกีฬา, ด้านสินค้าอุปโภคบริโภค และด้านสื่อ

โดย Emarsys ยังมีการวิเคราะห์เชิงคาดการณ์ (Predictive Analysis), การอัปเดตแบบอัตโนมัติด้วยการใช้ AI, การรายงาน และการวิเคราะห์ และระบบการทำ Personalization และระบบอัตโนมัติที่ผสมผสานหลายช่องทางเข้าด้วยกัน ซึ่งคุณยังสามารถสำรวจโซลูชันเฉพาะของอุตสาหกรรม อย่างในส่วนของอีคอมเมิร์ซ, การท่องเที่ยว และการค้าปลีก

คะแนนจาก G2 : 4.6/5

ราคา : Emarsys จะให้ใบเสนอราคาที่กำหนดเอง ดังนั้น คุณจะต้องติดต่อทีมของ Emarsys เพื่อขอทราบราคา

 

3. Bloomreach

 

5-3ภาพอ้างอิง

Bloomreach เป็น CDP แบบ end-to-end ที่มีใบรับรอง GDPR และ ISO ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถทำงานร่วมกับตัวเชื่อมต่อมากกว่า 90 ตัว เช่น Facebook Ads, Google Ads, Google Analytics ฯลฯ

โดย Exponea ช่วยลูกค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมแฟชัน, การค้าปลีก, สินค้าอุปโภคบริโภค, การเดินทาง และอุตสาหกรรมอื่น ๆ เพื่อสร้าง Single Customer View หรือ มุมมองลูกค้าที่แสดงออกมาในภาพเดียวของผู้ใช้งาน ซึ่งมุมมองแบบรวมนี้ ช่วยให้แบรนด์ต่าง ๆ สามารถติดตาม และตีความรูปแบบในพฤติกรรมของลูกค้าได้

คะแนนจาก G2 : 4.7/5

 

4. Optimove

 

6-1

ภาพอ้างอิง

Optimove เป็น Relationship Marketing Hub ที่มาพร้อมกับฟังก์ชันของ CDP โดย Optimove มีลูกค้าที่ใช้งานมากกว่า 500 ราย โดยแพลตฟอร์มที่ได้รับการรับรองจาก GDPR และ ISO ได้สร้าง Single Customer View ด้วยข้อมูลแบบ First-party Data, Third-party Data และประวัติการตอบรับแคมเปญของลูกค้า ซึ่งช่วยให้แพลตฟอร์มสามารถแบ่งกลุ่มข้อมูล และทำให้ธุรกิจสามารถสร้างแคมเปญแบบ Personalization ในหลากหลายช่องทางได้

ในการใช้งานของ Optimove คุณจะสามารถเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานทางข้อมูลที่สามารถปรับขยายได้ และแดชบอร์ดที่กำหนดเองได้ รวมถึง การวิเคราะห์ลูกค้าเชิงคาดการณ์ และฟีเจอร์อื่น ๆ สำหรับการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของลูกค้า

คะแนนจาก G2 : 4.6/5

ราคา: Optimove จะเสนอราคาตามการร้องขอของลูกค้า

 

5. Tealium AudienceStream CDP

 

7

ภาพอ้างอิง

Tealium AudienceStream เป็น CDP ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างโปรไฟล์ของลูกค้าอย่างละเอียดได้ โดยแพลตฟอร์มนี้ รับประกันความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้า ซึ่ง CDP นี้มีใบรับรองความปลอดภัยของ HIPAA, ISO 27001 และ 27018, Privacy Shield และ SSAE18 SOC 2 ประเภท I & II

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ Tealium ได้แก่ การทำ Identity Resolution, การใช้ Machine Learning ที่คาดการณ์ได้ และการใช้งานร่วมกับระบบตัวอื่น ๆ ได้ถึง 1,300 ตัว เพื่อให้ได้ข้อมูลลูกค้ามา

คะแนนจาก G2 : 4.4/5

ราคา : Tealium AudienceStream CDP จะให้ใบเสนอราคาที่กำหนดเองเหมือนกับผู้ให้บริการ CDP หลาย ๆ ราย

 

ข้อมูลที่มีการกลั่นกรอง หรือประมวลผล (Refined Data) คือ ข้อมูลที่ใช้งานได้

หากไม่มีข้อมูลที่มีการกลั่นกรอง หรือประมวลผลมาแล้ว ก็อาจจะเกิดผลเสีย อย่างเช่น การมีส่วนร่วมของลูกค้าที่ไม่ดี และการสูญเสียงบประมาณทางการตลาดไปอย่างเปล่าประโยชน์ โดย CDP จะช่วยแก้ไขสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ด้วยการทำให้ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลนั้น เป็นศูนย์กลางการดำเนินงานของบริษัทของคุณ

โดย CDP เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับบริษัทที่ต้องการนำข้อมูลของลูกค้าแบบ First-party Data มาใช้ประโยชน์, สร้างโปรไฟล์ของลูกค้าที่ถูกต้องแม่นยำ, เปิดตัวแคมเปญการตลาดแบบ Personalization และเพิ่มรายได้

เนื่องจากการใช้งาน CDP นั้น จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น ด้านงบประมาณ, ด้านเวลา, ด้านบุคลากร ฯลฯ ดังนั้น คุณจำเป็นต้องเริ่มสำรวจว่า CDP แบบใดที่เหมาะสมกับธุรกิจของคุณมากที่สุด และวางแผนกลยุทธ์การใช้งาน เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างสูงที่สุด

 

Source : HubSpot

Ourgreenfish LINE Connect

ติดตามสาระความรู้เกี่ยวกับ
Digital Marketing และเทคโนโลยีได้ที่ Ourgreenfish Connect

 

Recent Posts